04 ธันวาคม 2562

เนื้อสัตว์ปลูกมาแน่ ! เนเธอร์แลนด์ เตรียมเก็บภาษีการฆ่าสัตว์ แล้ว

Image result for meat tax

ใกล้จบยุคเบียดเบียนสัตว์แล้ว ! เนเธอร์แลนด์เตรียมออกกฎหมายเพื่อเก็บภาษีเนื้อสัตว์ที่มาจากสัตว์ที่ถูกฆ่า ทำให้เนเธอร์แลนด์ จะเป็นประเทศแรกในโลก ที่มีการเก็บภาษีเนื้อสัตว์ ซึ่งคาดหมายกันว่า ต่อไปในอนาคต หลายๆ ประเทศก็จะทำตาม ส่งผลให้ เนื้อสัตว์ที่การจากการทำปศุสัตว์ จะเป็นสิ่งที่แพงขึ้น และสังคมให้การยอมรับน้อยลงเรื่อยๆ

- ทั้งนี้ การเก็บภาษี จะไปเริ่มต้นจากโรงฆ่าสัตว์ก่อน เนื่องจากการเก็บภาษีที่เนื้อสัตว์ตรงๆ อาจทำให้ผู้บริโภคต่อต้านได้

- กฎหมายนี้ จะมีผลทำให้ เนื้อสัตว์จริงแพงขึ้น และเปิดทางให้ เนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช สามารถแข่งขันได้ ผู้คนก็จะหันมากินเนื้อสัตว์จากพืช ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

- ทั้งนี้ เนเธอร์แลนด์ ยังมีเทคโนโลยี #เพาะปลูกเนื้อสัตว์ ซึ่งทางนักวิจัยเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้บุกเบิกทางด้านนี้ โดยในอนาคต เนื้อสัตว์ปลูกก็จะค่อยๆ ถูกลง มาเจอกัน ณ จุดที่เนื้อสัตว์จริงแพงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกเนื้อสัตว์ทางเลือก ง่ายขึ้นไปอีก

- เนเธอร์แลนด์กำลังมีวาระแห่งชาติที่เรียกว่า Protein Transition หรือ วาระการเปลี่ยนแปลงไปสู่โปรตีนทางเลือก ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมองว่า ปศุสัตว์ เป็นกิจกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และในระยะยาว มนุษย์เราต้องค่อยๆ เลิกทำ

Image result for plant based meat

🛰 อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตร และความรู้อื่นๆ ได้ทุกวัน กับ เพจ #เกษตรอัจฉริยะ 🛰
📲 Facebook ----> https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
📲 Twitter ----> https://twitter.com/teerakiat_kerd/
.
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.totallyveganbuzz.com/news/the-netherlands-to-introduce-tax-on-animal-slaughter/

13 ตุลาคม 2562

กุ้งไร้กุ้ง มาแล้ว ! กุ้งจากพืชเตรียมบุกตลาดโลก ดิสรัปชันมาถึงคนเลี้ยงกุ้งแล้ว

Image result for new wave foods

วงการอื่นๆ ทยอยถูกดิสรัปต์ เปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน กันไปเกือบหมดแล้ว คราวนี้ก็ถึงวงการคนเลี้ยงกุ้งบ้างแล้วหล่ะ ไม่มีอาชีพไหนเลยครับที่จะมั่นคงในยุคนี้ อย่าคิดว่า ทำเรื่องเกี่ยวกับปัจจัย 4 ยังไงก็รอด เพราะเพื่อนๆ ของปัจจัย 4 ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค นี่ถูกดิสรัปต์กันไปหมดแล้วครับ ด้วยพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปในการใช้ชีวิต

- คลื่นความเปลี่ยนแปลงที่กำลังถาโถมวงการอาหาร มีทั้ง โปรตีนชนิดใหม่ #เนื้อไร้เนื้อ #ไข่ไม่มีไก่ #นมวัวไม่มีแม่วัว #เนื้อสัตว์ปลูก ซึ่งอันนี้เป็นฝั่งของต้นน้ำ ที่กำลังกระทบเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบ และแล้ววันนี้ ก็มาถึงคราวของ #คนเลี้ยงกุ้ง

- ไทสันฟูดส์ (Tyson Foods) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเนื้อสัตว์ ผู้ผลิตเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ระยะหลังๆ นี้ หันมาลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ ทั้งประเภท #เนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช (Plant-Based Meat) และ #เนื้อสัตว์ปลูก (Cultured Meat) ได้เข้าลงทุนในบริษัทผลิต #เนื้อกุ้งที่ทำจากพืช ที่มีชื่อว่า New Wave Foods โดยตั้งเป้าจะนำสินค้าเข้าสู่ตลาดต้นปี 2020

- จากการทดสอบของนักชิม พบว่า ผลิตภัณฑ์ #กุ้งไร้กุ้ง #เนื้อกุ้งจากพืช ยี่ห้อนี้ แทบจะแยกความแตกต่างจากเนื้อกุ้งจริงไม่ได้เลย คือถ้าไม่บอกว่า เป็นเนื้อกุ้งจากพืช ก็จะไม่รู้เลย



Image result for new wave foods

- กุ้งเป็นอาหารทะเลที่มีการบริโภคสูงที่สุดในโลก และเป็นที่นิยมอันดับ 1 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้น ถ้าใครทำ #เนื้อสัตว์จากพืช ที่มีรสชาติเหมือนกุ้งได้หล่ะก็ รวยแน่นอน เพราะธุรกิจนี้จะได้รับการตอบรับจากทั้งผู้บริโภคเก่าที่กินกุ้งอยู่แล้ว และผู้บริโภคใหม่ เช่น คนที่แพ้กุ้งแต่อยากกินกุ้ง พี่น้องชาวมุสลิม และ ผู้ที่นับถือศาสนาบางศาสนาที่ไม่สามารถกินอาหารทะเลบางชนิดได้ รวมไปถึง คนที่ทานมังสวิรัต จะเข้ามาเป็นลูกค้าเลย

- ปกติ ราคากุ้งในตลาดโลกจะค่อนข้างแกว่งตัวมาก ตามฤดูกาล และปริมาณการเลี้ยงกุ้ง หรือจับกุ้งได้ ในแต่ละช่วงเดือนของปี แต่ เนื้อกุ้งจากพืช ราคาจะนิ่ง ทำให้คาดว่า ร้านอาหาร ภัตตาคาร จะหันมาใช้กุ้งชนิดใหม่นี้ เพราะว่าสามารถควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่า

- เนื้อกุ้งจากพืช อุดมไปด้วยสารอาหาร โปรตีน เส้นใยอาหาร มีแคลอรี่และคลอเรสตอรอลต่ำมาก ทำให้คาดว่าจะได้รับความสนใจจากตลาดอาหารสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง

- ข่าวการเข้ามาของ เนื้อกุ้งที่ทำจากพืช ทำให้อุตสาหกรรมกุ้งเริ่มตื่นตระหนกแล้ว โดยมองว่า เหตุการณ์จะซ้ำรอยอย่างที่เกิดขึ้นกับ อุตสาหกรรมโคนม เมื่อนมจากพืชได้เข้ามาตีตลาด แล้วคนในอุตสาหกรรมโคนมไม่คิดจะทำอะไร จนปัจจุบัน ตลาดนมจากพืชได้แย่งส่วนแบ่งตลาดไปแล้วถึง 15% แถมโตเร็วมาก ปีที่แล้วตลาดนมจากพืชเติบโตถึง 50% ทำให้สหกรณ์โคนมในสหรัฐจำนวนมาก ประกาศล้มละลาย


Image result for new wave foods

.
🛰 อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตร และความรู้อื่นๆ ได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ 🛰
📲 Facebook ----> https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
📲 Twitter ----> https://twitter.com/teerakiat_kerd/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.washingtonpost.com/business/2019/09/05/tyson-launches-alt-shrimp-made-plants-it-could-be-jumbo/?noredirect=on
- Data from https://www.cnbc.com/2019/09/05/tyson-foods-invests-in-plant-based-shrimp-company.html
- Data from https://www.independent.co.uk/news/business/shrimp-kosher-halal-orthodox-jewish-shellfish-unclean-food-plant-based-a9104471.html
- Data from https://www.intrafish.com/commentary/1857312/letter-santa-monica-seafood-ceo-says-plant-based-seafood-companies-are-intentionally-misleading-consumers
- Data from https://thefishsite.com/articles/fish-free-seafood-a-quick-look-at-an-emerging-market


23 สิงหาคม 2562

ยุคหมูมีความสุข ! เมื่อบริษัทเนื้อหมูยักษ์ใหญ่ หันมาผลิตเนื้อหมูที่ทำจากพืช



ดิสรัปต์ตัวเอง ก่อนที่จะถูกดิสรัปต์ - เมื่อบริษัทเนื้อสัตว์ต่างปรับตัว มาผลิต เนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช

อุตสาหกรรมผลิตเนื้อสัตว์กำลังได้รับแรงกดดันรอบด้าน ตกเป็นจำเลยสังคมในแง่ที่ว่า อุตสาหกรรมนี้ทำลายสิ่งแวดล้อม ใช้น้ำมาก และเป็นตัวการโดยตรงที่ผลิต ก๊าซมีเทน สู่ชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ร้ายแรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้โลกร้อนหนักเสียยิ่งกว่าการใช้รถยนต์น้ำมันเสียอีก

อีกทั้ง เด็กรุ่นใหม่ นอกจากรักษ์โลกแล้ว ก็ยังรักสัตว์อีกด้วย การกินเนื้อสัตว์แบบที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ จึงเป็นอะไรที่กำลังเป็นกระแสในโลกตะวันตก

ล่าสุด สมิธฟิลด์ฟู้ดส์ บริษัทผู้ผลิตเนื้อหมูที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกมาประกาศว่า บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นเนื้อหมูที่ทำจากพืช มาขายในตลาดสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายน เป็นต้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น เนื้อหมูบด (เนื้อหมูจากพืช) ที่นำไปทำอาหารชนิดต่างๆ  ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ ที่หันมาบริโภคอาหารที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถเข้าตลาดมังสวิรัติได้อีกด้วย อีกทั้ง คู่แข่งสำคัญ อย่าง ไทสันฟู้ดส์ ก็เข้ามาในตลาดนี้แล้วด้วย



กระแส เนื้อสัตว์สะอาด (Clean Meat) กำลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแนวทางในการทำเนื้อสัตว์ทดแทนที่กำลังดัง มี 2 แบบคือ

- เนื้อสัตว์ปลูก (In vitro meat) เป็นการปลูกเนื้อสัตว์ขึ้นมาจากเซลล์ของสัตว์ ก็จะได้เนื้อสัตว์จริงๆ โดยไม่ต้องฆ่าสัตว์ ข้อดีก็คือ เลือกส่วนที่ปลูกได้ตามความต้องการมากน้อยของตลาด ได้รสชาติและลักษณะกายภาพของเนื้อสัตว์

- เนื้อสัตว์จากโปรตีนพืช (Plant-Based Meat) เป็นการนำพืชชนิดต่างๆ มาสร้างผลิตภัณฑ์เลียนแบบเนื้อสัตว์ โดยมีโมเลกุลฮีมที่ทำให้เกิดสีเหมือนเนื้อสัตว์สด

ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่าน ผลิตภัณฑ์ที่ทดแทนเนื้อสัตว์ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น สินค้าประเภทเจ หรือ มังสวิรัติมีอัตราการเติบโตสูงถึง 140 เปอร์เซนต์ในปี ค.ศ. 2012 และ 440 เปอร์เซนต์ในปี ค.ศ. 2016

ดังนั้น การที่บริษัทเนื้อหมูยักษ์ใหญ่แห่งนี้ หันมาผลิตเนื้อหมูที่ทำจากพืชนั้น ย่อมเป็นสัญญาณที่บอกว่า ยุคใหม่ ยุคแห่งหมูมีความสุข กำลังจะมาถึงแล้ว



Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://vegnews.com/2019/8/worlds-largest-pork-producer-launches-plant-based-breakfast-patties-burgers-and-meatballs

08 กรกฎาคม 2562

"ไข่ ไม่ต้องมี ไก่" ดิสรัปต์วงการไข่ - บุกตลาดเอเชีย รุกตั้งโรงงานในเกาหลี



สั่นสะเทือนวงการ "ไข่" แน่นอน เมื่อนวัตกรรมไข่แบบใหม่ ที่ไม่ต้องเลี้ยงไก่ กำลังจะบุกตลาดเอเชีย และจะเข้ามาในอาเซียนและเมืองไทย ในเวลาอันใกล้นี้ โดยบริษัท จัสต์ (JUST) ผู้ผลิตไข่ที่ทำจากพืช ได้ส่งสินค้ามาบุกตลาดฮ่องกงและจีน รวมทั้งจะตั้งโรงงานผลิตในเกาหลี

- โดยผู้ผลิตในเกาหลีก็คือ บริษัทที่ผลิตไข่ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีนั่นเอง ขนาดคนเลี้ยงไข่ไก่ ยังต้อง "ดิสรัปต์" ตัวเอง เพื่อมาผลิตไข่แบบใหม่ เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสิทธิสัตว์และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

- นอกจากตั้งโรงงานในเกาหลีแล้ว บริษัท จัสต์ ยังมองโอกาสที่จะเข้าไปตั้งโรงงานในจีนต่อไปด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถรุกเข้าไปในตลาดผู้บริโภคไข่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

- ปัจจุบันสินค้า "ไข่ ไม่ต้องมี ไก่" ของจัสต์ กำลังขายดิบขายดีในเมืองจีน โดยวางขายทั้งในออนไลน์ และในซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ โดยได้รับการตอบรับอย่างดี จากผู้บริโภคจีน ซึ่งเมื่อนำไปทำอาหารประเภทไข่คน ให้ความรู้สึกแทบไม่แตกต่างจากไข่จริง รวมไปถึงการนำไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหารอื่นๆ เช่น เบเกอรี่ เค้ก คุ้กกี้ ก็สะดวกกว่าการใช้ ไข่แบบเดิม



- ปัจจุบัน ประเทศจีนผลิตไข่ไก่ได้ 30% ของทั้งโลก ซึ่งมีจำนวน 1 ล้านล้านฟองต่อปี ทำให้เป็นที่กังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นอุตสาหกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การที่มี "ไข่ ที่ไม่ต้องเลี้ยงไก่" เข้ามาขายในจีน ก็เป็นความหวังในการที่ต่อไป เราจะได้ไม่ต้องเลี้ยงไก่แบบอุตสาหกรรมอีกต่อไป (โดยการจับไก่มาขังคอก แล้วเลี้ยงจำนวนมาก) ส่วนไก่ที่เลี้ยงแบบอิสระ (ไม่ขังคอก) ก็น่าจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกันในอนาคต

- บริษัท จัสต์ (JUST) ซึ่งเปลี่ยนชื่อจากเดิมที่เคยชื่อ แฮมตันครีก (Hampton Creek) เน้นทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ที่ไม่ต้องมีการทรมาน หรือ ฆ่าสัตว์ เช่น ผลิตภัณฑ์ไข่ที่ไม่ต้องเลี้ยงไก่ ซึ่งมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ไข่คน (JUST Scramble) ไข่มาโย (JUST Mayo ซึ่งมักใช้ทำเบเกอรี่ คุ้กกี้) รวมไปถึงเนื้อสัตว์ปลูก (culture meat)

- ปัจจุบันนี้ บริษัทจัสต์ มีการนำ "ไข่ ไม่ต้องมี ไก่" ออกจำหน่ายแล้วทั่วสหรัฐ มีจุดขายมากกว่า 100,000 แห่ง แถมก่อนหน้านี้ ยังสร้างความฮือฮา ด้วยการที่ร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น-อีเลฟเว่น ในสหรัฐฯ ได้เลิกใช้ ไข่ไก่จริง แล้วหันมาใช้ "ไข่ ไม่ต้องมี ไก่" แทนเพื่อทำอาหารขายในร้าน



อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.latimes.com/business/la-fi-egg-replacement-20190517-story.html
- Data from https://www.plantbasednews.org/post/vegan-just-egg-launches-in-mainland-china
- Data from https://www.foodnavigator-asia.com/Article/2019/06/02/Plant-based-pioneers-JUST-to-manufacture-in-Asia-for-first-time-with-South-Korea-GanongBio-partnership
- Data from https://www.thatsmags.com/shanghai/post/28576/you-can-now-buy-this-insanely-popular-vegan-egg-substitute-in-china
- Data from http://www.poultryworld.net/Eggs/Articles/2018/2/Asian-food-sector-targeted-with-egg-substitute-251194E/
- Data from http://vegnews.com/articles/page.do?pageId=10715&catId=1
- Data from https://www.livekindly.co/vegan-just-company-set-open-first-manufacturing-facility-asia/
- Picture from https://justforall.com/en-us/stories/scramble
- Picture from https://www.wired.com/2014/02/fake-eggs-and-asian-expansion/

22 มิถุนายน 2562

ผู้เชี่ยวชาญชี้ อีก 20 ปี มนุษย์เลิกฆ่าสัตว์ หันกิน "เนื้อสัตว์ปลูก" และ เนื้อสัตว์จากพืช แทน



เมื่อคนรุ่นใหม่ มีเมนูอาหารเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนรุ่นเก่าอีกต่อไป .. อุตสาหกรรมอาหาร จึงเริ่มระส่ำ เพราะต้องรีบปรับตัว ไม่งั้นก็อาจโดนล้มล้าง หรือ ดิสรัปต์ (Disrupted) ได้ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่อายุเยอะในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น ซีพี เบทาโกร ไทยยูเนี่ยน กำลังถูกท้าทายจาก บริษัทสตาร์ทอัพอายุน้อย ที่ต้องการมาเปลี่ยนโลกแห่งเนื้อสัตว์ ที่ไม่จำเป็นต้อง "ฆ่า" อีกต่อไป

- บริษัทที่ปรึกษา AT Kearney ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่ระบุว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า มนุษย์จะหันมาบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดใหม่ ที่ไม่ต้องมีการฆ่า เป็นหลัก โดยตลาดเนื้อสัตว์ดั้งเดิม จะหดตัวลงไปเรื่อยๆ โดยโปรตีนชนิดใหม่จากพืช และ แมลงจะเข้าแทนที่อาหารดั้งเดิม รวมไปถึงเนื้อสัตว์ที่เกิดจากการปลูก (in vitro meat)

- ในขณะนี้ อุตสาหกรรมอาหารในสหรัฐฯ กำลังเกิดการตื่นตัวขนานใหญ่ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ เหล่า Gen Z ที่เกิดในช่วงปี 1995 ถึงหลังปี 2000 เริ่มมีแนวทางบริโภค อาหารที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้เกิดสตาร์ทอัพด้านอาหารเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ที่มาจากพืช หรือ เนื้อสัตว์ปลูกที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ ไข่ที่ไม่ต้องเลี้ยงไก่ นมและชีสที่ไม่ต้องทรมานวัว ของกินเล่นต่างๆ หรือแม้แต่ เบียร์

- ซึ่งคนกลุ่มนี้ ก็ไม่ใช่เล็กๆ นะครับ ! เพราะหลังปี 2020 จะมีจำนวนคิดเป็น 40% ของคนที่มีกำลังจ่ายเงินในสหรัฐ เลยทีเดียว .. ทำให้ คนกลุ่มนี้ "ชี้เป็น ชี้ตาย" อนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร เลยทีเดียว




- ตอนนี้ เนื้อสัตว์ทางเลือก ที่ไม่ต้องมีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต กำลังเป็นกระแสของคนรุ่นใหม่ และเป็นตลาดที่เติบโตเร็วมาก ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งแข่งกันนำเข้ามาขาย และตอนนี้เริ่มระบาดไปยังฟาสต์ฟู้ดต่างๆ แล้ว .. และจากการสำรวจความคิดเห็นของคนหนุ่มสาวมหา'ลัย พบว่า พวกเขาเหล่านั้น ชื่นชอบ เนื้อสัตว์ที่ทำมาจากพืช กับ อาหารทะเลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ไม่ได้มาจากการประมงแบบใช้แรงงานทาส)

- ตลาดใหม่นี้ คาดว่าจะมีมูลค่ามากถึง 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.6 แสนล้านบาท ในปี ค.ศ. 2020

- นอกจากนี้ เนื้อสัตว์ชนิดใหม่ยังมีตัวช่วยอีกตัว นั่นคือ "ภาษี" ครับ เพราะเนื้อสัตว์ชนิดเก่ามีแนวโน้มจะโดนขึ้นภาษี ในฐานะตัวการทำให้เกิด ภาวะโลกร้อน โดยมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักลงทุนขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าทรัพยสินรวมกันกว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 131 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ทรงอิทธิพลมาก สามารถที่จะเข้าล็อบบี้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบาย หรือการออกกฎหมายต่างๆ ... และสิ่งที่กลุ่มนี้ กำลังจะทำต่อไป คือการเคลื่อนไหวให้ออก "ภาษีเนื้อสัตว์" ทั่วโลก

- นักลงทุนกลุ่มนี้ ได้นำเสนอแก่รัฐบาลทั่วโลก ให้เก็บ "ภาษีเนื้อสัตว์" โดยเป็นหนึ่งใน "ภาษีบาป" (Sin Tax) เช่นเดียวกับ อัลกอฮอล์ และ บุหรี่ !! ด้วยเหตุผลที่ว่า เนื้อสัตว์แบบเก่านอกจากทำลายสุขภาพแล้ว ยังเป็นสาเหตุหลักมากถึง 15% ที่ทำให้โลกร้อน อีกทั้งยังผลาญน้ำ และ พื้นที่เป็นจำนวนมาก ... ซึ่งตอนนี้ รัฐบาลที่สนใจในเรื่องการเก็บภาษีเหล่านี้ ตอนนี้ก็มี เยอรมัน เดนมาร์ก สวีเดน หรือแม้กระทั่ง เมืองจีน ด้วย



อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.iflscience.com/environment/most-meat-will-be-meat-free-or-lab-grown-by-2040-experts-predict/
- Data and Picture from https://www.atkearney.com/retail/article/?/a/how-will-cultured-meat-and-meat-alternatives-disrupt-the-agricultural-and-food-industry
- Data from https://www.cbsnews.com/news/is-it-time-to-put-a-tax-on-meat/
- Data from https://www.cnbc.com/2018/11/07/health-experts-propose-a-red-meat-tax-to-recoup-172-billion-in-health-care-costs.html
- Picture from https://www.forbes.com/sites/davidebanis/2019/02/27/the-cultural-impact-of-cultured-meat/#339ee90a7fcc

17 พฤษภาคม 2562

ลืมสิงคโปร์ไปซะ ! จีนเตรียมเปิดเส้นทางเดินเรือผ่านขั้วโลกเหนือแล้ว



เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งโลกเลย เมื่อออกมาประกาศว่า จีนจะสร้างเส้นทางเดินเรือใหม่ที่เรียกว่า เส้นทางสายไหม (ใหม่) สายขั้วโลก (Polar Silk Road) ซึ่งเป็นเส้นทางสายพิเศษที่เพิ่มเติมเข้ามาทีหลัง จากเส้นทางสายไหมใหม่เดิมที่ประกาศไปในแผน One Belt One Road หรือ Belt and Road Initiative ที่มีประเทศมากกว่า 65 ประเทศเข้าร่วม โดยในการประชุมกลุ่มประเทศอาร์กติก เมื่อต้นเดือน เม.ย. 2562 รัสเซียประกาศว่าจะร่วมมือกับจีน เพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่นี้ ให้มีการขนส่งสินค้าให้ได้ 80 ล้านตัน ภายใน 6 ปีข้างหน้า

โดยเส้นทางสายไหม(ใหม่) สายขั้วโลก จะเป็นการพัฒนาเส้นทางเดินเรือจากแปซิฟิกตะวันตก ขึ้นไปทางขั้วโลกเหนือ แล้วเลาะไปยังยุโรป ซึ่งจะประหยัดเวลาขนส่งสินค้าที่เดิมเคยอ้อมผ่านสิงคโปร์ ไปถึง 2 สัปดาห์ !!



แต่เดิมนั้น การเดินเรือตามเส้นทางนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย มีแต่กองเรือสำรวจทางวิทยาศาสตร์ เรือรบและเรือดำน้ำทางการทหารเท่านั้น ที่ใช้เป็นทางผ่าน แต่เนื่องจากภาวะโลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกเริ่มละลาย ทำให้จีนมองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาเส้นทางสายนี้ 

ถึงแม้ จีนจะไม่ใช่ประเทศในเขตอาร์กติก (ประเทศที่อยู่ล้อมขั้วโลกเหนือ) แต่จีนก็มีความกระตือรือร้นที่สุดที่จะพัฒนาเส้นทางนี้ ซึ่งมีผลประโยชน์อยู่มหาศาล นอกเหนือจากเส้นทางเดินเรือ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ ทรัพยากรป่าไม้ สัตว์น้ำต่างๆ ของประเทศแคนาดาที่ยากต่อการเข้าถึง ทำให้แคนาดา ถึงกับออกมาตอบรับการเข้ามาของจีน เลยทีเดียว



นักวิเคราะห์บางกลุ่มมองว่า การเปิดเส้นทางเดินเรือสายขั้วโลก ต้องมีการลงทุนจำนวนมหาศาล จะมีเรือมาใช้งานมากเพียงพอหรือปล่าว ... แต่ก็มีอีกกลุ่มบอกว่า เกมส์นี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะ จีนเป็นประเทศที่ "สายตายาว" ชอบมองอะไรไกลๆ และเป็น นักเล่นเกมส์ยาวๆ อีกด้วย ... ดูจากการลงทุนในแอฟริกา ซึ่งเมื่อก่อนมีแต่คนหัวเราะจีนว่าไปลงทุนในแอฟริกาทำไม คนไม่มีกำลังซื้อ แต่ทุกวันนี้ แอฟริกา กำลังจะเป็นกลุ่มประเทศที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโลก !!



อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.asiatimes.com/2019/04/opinion/canadian-panel-urges-arctic-policy-shift/
- Data from https://www.theguardian.com/world/2019/may/06/pompeo-arctic-activity-new-south-china-sea
- Data from https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3009837/could-arctic-chill-us-china-relations-still-further
- Data from https://scroll.in/latest/866541/china-unveils-its-plan-for-a-polar-silk-road-through-the-arctic
- Data from https://www.cnbc.com/2018/02/14/china-we-are-a-near-arctic-state-and-we-want-a-polar-silk-road.html
- Data from https://www.eurasiareview.com/14022018-china-eyes-arctic-for-polar-silk-road-analysis/

04 พฤษภาคม 2562

เมื่อวงการทหาร ถูก ดิสรัปต์ - เดี๋ยวนี้ เรียนทหาร ก็เรียนออนไลน์กันแล้ว



เมื่อวงการทหาร ถูก ดิสรัปต์ - เดี๋ยวนี้ เรียนทหาร ก็เรียนออนไลน์กันแล้ว

ทุกวันนี้ การศึกษา การเรียนรู้ การฝึกอบรม สามารถทำได้จากทุกที่ในโลก โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่จริง แม้แต่ในด้านการทหาร เราก็สามารถสร้างสนามรบขึ้นมา แล้วให้ทหาร ล็อกอิน เข้ามาฝึกได้แบบออนไลน์ .. อีกหน่อย เมืองไทยเราอาจจะฝึกคอบร้าโกลด์กันแบบออนไลน์ก็ได้นะครับ .. อยากให้นำเทคโนโลยีนี้ มาสร้างไร่นาเสมือน ใช้ฝึกเกษตรกร มั่งจัง

- โครงการ Synthetic Training Environment เป็นเสมือนห้องเรียนทางการรบขนาดใหญ่ เพื่อให้ทหารได้ฝึกภารกิจการสู้รบ สร้างทักษะการรบ ก่อนการเข้าสู่พื้นที่จริง

- ทหารสามารถล็อกอินเข้ามาพร้อมๆ กัน จำนวนมาก เพื่อทำการฝึกรบเป็นขบวนยุทธ



- ห้องเรียนนี้ จะจำลองสภาพภูมิประเทศ ของสนามรบจริงทั่วโลก โดยจะให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในสถานที่นั้น โดยทหารที่เข้าร่วมการฝึก สามารถล็อกอินจากที่ไหนก็ได้ จากศูนย์ฝึก จากบ้าน หรือแม้กระทั่งจากพื้นที่สมรภูมิ

- ระบบสนามรบสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นมีความซับซ้อนมากๆ มีองค์ประกอบนับล้านชิ้นที่จำลองขึ้นมา ซึ่งจะทำให้การฝึกเสมือนได้ไปเจอของจริง เช่น ทหารราบ สามารถฝึกร่วมกับ ทหารที่ฝึกขับรถถังอยู่ ร่วมกับพลร่มที่กระโดดลงมาจากเครื่องบิน ร่วมกับพลขับเฮลิคอปเตอร์ เป็นการบูรณาการระบบฝึกทุกอย่าง เข้ามาในระบบเดียวกัน

- นอกจากเทคโนโลยีวีอาร์ (VR - Virtual Reality) หรือ ความจริงเสมือนแล้ว กองทัพอเมริกันก็ยังนำเทคโนโลยีเออาร์ (AR - Augmented Reality) หรือ ความจริงขยาย เข้ามาใช้งานอย่างจริงจัง โดยปีที่แล้ว กองทัพสหรัฐฯ ได้เซนต์สัญญาซื้อแว่น AR ยี่ห้อ HoloLens จากไมโครซอฟต์ เอามาให้ทหารใช้จำนวน 100,000 คู่เลยทีเดียว ซึ่งแว่นตานี้ จะช่วยส่งข้อมูลต่างๆ ให้ทหารแต่ละนายที่ปฏิบัติภารกิจในโลกจริงอยู่ อย่างละเอียด

ในอนาคต นักรบเหล่านี้ อาจจะไม่ต้องออกไปรบจริงๆ ก็ได้ เพราะสามารถส่งหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ ให้ออกไปรบในโลกจริง โดยตัวเองนั้น นั่งควบคุมอยู่ในโลกความจริงเสมือน






.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data and Picture from https://www.digitaltrends.com/cool-tech/synthetic-training-environment-vr-training/
- Data from https://www.theverge.com/2019/4/6/18298335/microsoft-hololens-us-military-version

25 เมษายน 2562

หุ่นยนต์ศาสตราจารย์ - เมื่ออาจารย์มหา'ลัย จะถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์



เมื่อก่อน อาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นอาชีพที่มั่นคงมาก ยากที่จะหาอะไรมาทดแทน แต่เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยกลับถูกคุกคามด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การเรียนแบบออนไลน์ได้เข้ามาแทนที่มหาวิทยาลัยรูปแบบเดิม จำนวนนักศึกษาที่เข้าเรียนมหา'ลัย ก็ลดลงเรื่อยๆ .. แค่นั้นยังไม่พอ หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ก็เสนอตัวเข้ามาทำหน้าที่แทนอาจารย์อีก !?!

- ปัญญาประดิษฐ์กำลังเข้ามาแทนที่งานของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ จะมีตำแหน่งงานมากถึง 800 ล้านตำแหน่งที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ภายในปี ค.ศ. 2030 หรือใน 11 ปีข้างหน้า

- การศึกษาออนไลน์กำลังมาแรง ซึ่งหลายๆ หลักสูตร มีการนำเอาปัญญาประดิษฐ์มาช่วยสอนและติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน แล้วได้ผลตอบรับดีมาก ทำให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เริ่มมองเห็นประโยชน์ในการนำเอา ปัญญาประดิษฐ์ มาสอนแทนอาจารย์ที่เป็นมนุษย์ .. อีกทั้ง อาจารย์มนุษย์จำนวนมาก ไม่ยอมปรับตัวกับเทคโนโลยีดิจิทัล ยิ่งทำให้มหาวิทยาลัยตัดสินใจเข้าหาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซะเลย 



- แม้แต่ นักวิทยาศาสตร์ ก็อาจตกงานได้ ถ้างานนั้นเป็นแค่การทำ Lab ผสมสารนั้น สารนี้ เอาไปอบ เอาไปปั่น เอาไปต้ม เอาไปตกผลึก เอาไปตรวจวิเคราะห์ แล้วก็มารายงานผล ... เพราะเจ้าหุ่นยนต์นักวิทยาศาสตร์ (Robot Scientist) สามารถทำแทนได้หมด แถมยังทำได้เร็วมากๆ ทั้งวันทั้งคืน อย่างเจ้าหุ่นยนต์ Eve ซึ่งเริ่มมีใช้ในห้องปฏิบัติการวิจัยหลายๆ แห่ง สามารถที่จะตรวจวิเคราะห์สกรีนสารได้ 10,000 ชนิดต่อวันเลย บางคนที่ทำปริญญาโท ปริญญาเอก เรียนกัน 5-6 ปี ยังมีผลงานน้อยกว่าเจ้าหุ่นที่ทำงานเพียงครึ่งวันเอง

- ความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ และ ระบบอัตโนมัติมาถึงจุดที่ว่า นักเคมี นักวัสดุศาสตร์ อาจจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว เพราะเราสามารถใช้หุ่นยนต์แทนที่ได้หมด มันสามารถผสมสาร กลั่น ต้ม ตกผลึก วิเคราะห์องค์ประกอบ .. แม้แต่งานยากๆ อย่าง การทำนายว่า การจะสังเคราะห์สารสักตัว จะต้องเอาสารตั้งต้นอะไรบ้างมาผสมกัน และใช้กระบวนการอะไรในการทำปฏิกริยาเคมี มันก็สามารถทำได้เก่งกว่านักเคมีระดับศาสตราจารย์ เสียอีกครับผม

- มีการทดลองให้ปัญญาประดิษฐ์ สังเคราะห์ผลึกของสารชนิดหนึ่ง ซึ่งต้องใช้ความอดทนสูง และ วิจารณญาณในการเลือกเส้นทางสังเคราะห์แบบต่างๆ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปจนถึง 100 การทดลอง ก็เห็นผลอย่างชัดเจนเลยว่า ปัญญาประดิษฐ์ เก่งกว่า ศาสตราจารย์ เสียอีก ... แล้วเราจะจ้างศาสตราจารย์ไว้ทำไมหล่ะครับพี่น้อง ?!?

เป็นยุคที่ ไม่มีอาชีพอะไรมั่นคง อีกแล้วจริงๆ !!



อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to .....
- Data from https://www.weforum.org/agenda/2019/04/what-robots-and-ai-may-mean-for-university-lecturers-and-students/
- Data from https://www.chemistryworld.com/news/wanted-synthetic-chemists-humans-need-not-apply/3008401.article
- Data from https://www.chemistryworld.com/news/humans-come-out-second-best-against-efficient-robot-chemist/3007676.article
- Data from https://www.imperial.ac.uk/news/184368/robotic-chemistry/
- Data from https://www.chemistryworld.com/news/robotic-chemist-explores-chemical-space/3007599.article

23 เมษายน 2562

ฤาจะหมดยุคนมวัว ! เกษตรกรโคนมเศร้า นมจากพืช ตีตลาดกระจุย



ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบล้มล้าง (Disruptive Change) ไม่ละเว้นวงการไหนในโลก .. แม้แต่ในวงการอาหารเอง ผู้เล่นรายเก่าเริ่มมีอันเป็นไป ธุรกิจที่อยู่คู่โลกมานานอย่าง โคนม ก็กำลังประสบปัญหายอดขายตกต่ำลงเรื่อยๆ โดยในปี 2018 ที่ผ่านมานั้น ยอดขายนมวัวหายไปจากตลาดกว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ  35,000 ล้านบาท เลยทีเดียว 

- เมื่อปีที่แล้ว เกิดข่าวใหญ่ในสหรัฐฯ  เมื่อสหกรณ์โคนมยักษ์ใหญ่ ที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด ได้ประกาศปิดโรงงานผลิตน้ำนมที่เปิดมากว่า 100 ปี ด้วยเหตุผลยอดขายที่ลดลงจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ก่อนหน้านั้น ในปี 2017 บริษัท Dean Foods ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสินค้าจากนมวัว ก็ได้ปิดโรงงานบางแห่งจากภาวะขาดทุน ต่อเนื่องมาจากปี 2015 และ ปี 2016 ที่มีการปิดโรงงานผลิตนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ในหลายๆ รัฐ

- ยอดขายของนมวัวในปี 2018 นั้นเท่ากับ 13.6 พันล้านเหรียญ (4.34 แสนล้านบาท) ลดลงจากปี 2017 ที่มียอดขายกว่า 14.7 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 4.69 แสนล้านบาท) ในขณะที่ยอดขายของนมจากพืชในปี 2017 นั้นมีสูงถึง 11.9 พันล้านเหรียญ (3.8 แสนล้านบาท) และคาดว่าจะเติบโตไปเป็น 1.1 ล้านบาท ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า แซงนมวัวไปแบบไม่เห็นฝุ่น

- บริษัทคาร์กิล (Cargill) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารได้ทำการสำรวจความนิยมของ "นมจากพืช" พบว่า ผู้บริโภคนมวัวในสหรัฐฯ จำนวน 50% ก็กำลังบริโภคผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ทำมาจากพืชอยู่ พร้อมๆ กันไปด้วย (อันแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่คนกลุ่มนี้ จะหันเหไปสู่ทางเลือกใหม่แทนที่ผลิตภัณฑ์เดิม - ผู้เขียน) ซึ่งมีผู้บริโภคจำนวน 20% ที่ตอบแบบสอบถาม บอกว่า ตนเองไม่บริโภคนมวัว อันเนื่องมาจากเรื่องของสวัสดิภาพสัตว์ 

- ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 35% บอกว่าไม่บริโภคนมวัว เพราะแพ้นมวัว ทั้งนี้ในโลกของเรามีคนที่ดื่มนมวัวไม่ได้ มากถึง 75% ซึ่งนี่แหล่ะ คือโอกาสของ "นมจากพืช

- กระแสความนิยม "นมทางเลือก ที่ไม่ใช่นมวัว" กำลังกระพือทั่วสหรัฐฯ และมีแนวโน้มจะกระจายไปทั่วโลก โดยมีเหล่าสตาร์ทอัพ และ นักลงทุน Venture Capital ช่วยกันประโคมกระแส ในห้างหลายๆ แห่งถึงกับมีเครื่องทำนมอัลมอนด์ด้วยตัวเอง ไว้บริการลูกค้า



- ความร้อนแรงของตลาดนมทางเลือกที่ทำจากพืชนี้ ถึงกับทำให้ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องไม่ให้ใช้คำว่า "นม" กับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาจาก "วัว" แต่ก็ได้รับการเย้ยหยันว่า คำว่า นมเพื่อเรียกสิ่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่นมวัว เขาก็ใช้กันมาเป็นร้อยปีแล้ว

- มีเหตุผลหลายอย่าง ที่ผู้บริโภคทั้งหลาย อยากบอกลา "นมวัว" แล้วหันมาบริโภค "นมจากพืช" แทน อันได้แก่ นมจากพืชมีให้เลือกหลากหลาย คุณค่าทางอาหารก็หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็น นมถั่ว นมอัลมอนด์ นมข้าว มะพร้าว ฮาเซลนัท ทั้งนี้ยังรวมไปถึง กระแสสวัสดิการสัตว์ ซึ่งผู้บริโภคจำนวนมาก ไม่ต้องการทรมานสัตว์ อีกทั้ง นมจากพืช ยังมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่การผลิต นมวัว สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก ทั้งการปล่อยก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศ การใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย เป็นต้น นี่ยังไม่นับรวมจำนวนผู้แพ้นมวัว ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย ในกลุ่มประชากรรุ่นใหม่

-ก่อนหน้านี้ วงการไข่ไก่ของสหรัฐฯ อเมริกา ก็ต้องกระอักเลือด เมื่อ "ไข่ ที่ไม่ต้องมี ไก่" เริ่มเข้ามาทดแทนไข่จากไก่จริงๆ จนทำให้บริษัทไข่ไก่ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประสบภาวะขาดทุนหลายพันล้านบาท เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2017


.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to .....
- Data from https://www.fastcompany.com/90324853/dont-cry-but-milk-sales-plummeted-by-1-1-billion-last-year?mc_cid=6f3e9409e5&mc_eid=197d05a1de
- Data from https://www.dairyreporter.com/Article/2018/01/17/California-Dairies-closing-Los-Banos-plant?utm_source=newsletter_daily&utm_medium=email&utm_campaign=17-Jan-2018&c=huXCe7ePaPPdhvyxS%2Fw4%2FFYD%2FkC7QWDo&p2
- Data from http://www.onegreenplanet.org/news/california-daires-inc-shutting-hundred-year-old-plant/
- Data from http://www.onegreenplanet.org/news/cargill-finds-milk-drinkers-also-use-dairy-alternatives/
- Data from https://www.fastcompany.com/3067287/big-dairy-wants-plant-based-milk-to-stop-calling-itself-milk
- Picture from https://smartlifebites.com/plant-based-milk/
- Picture from https://www.foodnavigator-usa.com/Article/2017/09/01/FDA-too-busy-to-weigh-into-plant-milk-debate

28 มีนาคม 2562

ใครเก่ง เตรียมตัวเลย ! จีนเนรมิต ซิลิกอนวัลเลย์แห่งใหม่ ใกล้เมืองไทย รับคนเก่งอีกเพียบ



รัฐบาลปักกิ่ง กำลังเนรมิตพื้นที่ปากแม่น้ำเพิร์ล หรือแม่น้ำจูเจียง ซึ่งเป็นแหล่งรวมประชากรกว่า 70 ล้านคน ด้วยผลิตภาพมูลค่ากว่า 48 ล้านๆ บาท (คิดเป็น 3 เท่าของ GDP ประเทศไทย)  ครอบคลุมพื้นที่ ฮ่องกง มาเก๊า ซูไฮ่ เสินเจิ้น กวางโจว ให้เป็นมหานครแห่งความไฮเทค วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ต้องการคนหนุ่มสาว เก่งๆ จำนวนมาก เข้าร่วมงาน ให้สิทธิพิเศษ ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคล

- รัฐบาลจีน ได้อนุมัติแผนโครงการยักษ์ The Greater Bay Area พัฒนาพื้นที่ ฮ่องกง-มาเก๊า-ซูไฮ่-เสินเจิ้น-กวางโจว ให้เป็นมหานครวิทยาศาสตร์และไอที ใหญ่กว่า ย่านซิลิกอนวัลเลย์ในสหรัฐอเมริกา โดยจะเป็นทั้งย่านไอที นวัตกรรม ฟินเทค ที่เหมือนรวมแหล่งนวัตกรรมซิลิกอนวัลเลย์ ที่แคลิฟอร์เนีย กับ วอลล์สตรีท ที่นิวยอร์ค เอาไว้ในที่ๆ เดียว โดยจะบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การเงิน การผลิต เทคโนโลยี ให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่แบบไม่มีกั๊ก เป็นตลาดเดียว

- จะเกิดฮับนวัตกรรม ที่สร้างงานใหม่ๆ จำนวนมากในบริเวณนี้ ตอนนี้ ฮ่องกงได้เปิด ช่องทางพิเศษ หรือ Fast Track ในการนำเข้าผู้มีความสามารถทางด้านต่างๆ ที่กำลังเป็นที่ต้องการ ได้แก่ ด้านปัญญาประดิษฐ์ วัสดุศาสตร์ ไบโอเทค ฟินเทค (เทคโนโลยีการเงิน) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ วิทยาศาสตร์ข้อมูล หุ่นยนต์และออโตเมชั่น

- คนเก่งๆ จากต่างประเทศที่เข้ามาทำงานใน The Greater Bay Area จะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคล ซึ่งตอนนี้ ก็ทำให้สตาร์ทอัพหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา มีความสนใจจะย้ายเข้าไปอยู่ที่นี่ครับ

- The Greater Bay Area มีพื้นที่ทั้งหมด 56,500 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทยเป็น 10 เท่า แต่มีประชากรพอๆ กับประเทศไทย ครอบคลุม 11 เมืองใหญ่ที่เป็นเมืองแห่งความเจริญด้านเทคโนโลยี และการเงิน

- รัฐบาลปักกิ่งได้ทุมทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ไว้มากมาย เพื่อทำให้คนเกือบ 70 ล้านในบริเวณนั้น ไปมาหาสู่กันได้ง่ายขึ้นเยอะเลย ก่อให้เกิดการเคลื่อนตัวของประชากรไปมา มากมายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลเชื่อมซูไฮ่-มาเก๊า กับฮ่องกง ความยาวกว่า 55 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในโลกเลยทีเดียว การเตรียมก่อสร้างรันเวย์ที่ 4 ของสนามบินฮ่องกง เพื่อรองรับการเดินทางที่มากขึ้น การสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมสนามบินเสินเจิ้น กับ ฮ่องกง

อีกหน่อย ซิลิกอนวัลเลย์ ก็มาใกล้เมืองไทยของเราแล้ว ต้องรีบเตรียมเด็กๆ ลูกหลานของเราให้สามารถรับประโยชน์ จากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นครับพี่น้อง ใครมีความสามารถทางด้านนี้ เตรียมตัวให้พร้อมเลยครับ .. รีบฝึกภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีน ครับ


.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-03-16/china-to-lure-foreign-talent-for-new-high-tech-greater-bay-area
- Data from https://www.abc.net.au/news/2019-01-16/china-approves-plan-for-greater-bay-area-to-rival-silicon-valley/10715690?fbclid=IwAR37UPxECtvVD1yAwp8V4xB1q8dp01xiO-Dw5BgwwyGOeKI1VnNKiwFYZDw
- Data from https://www.reuters.com/article/us-greater-bay-china/china-provides-subsidies-to-lure-talent-to-greater-bay-area-idUSKCN1QX039
- Data from https://chinaeconomicreview.com/beijing-offers-tax-incentives-to-lure-talent-into-greater-bay-area/

26 มีนาคม 2562

เกษตรกรเตรียมตัว ! เอล นีโญ ส่งผลแล้งถึงเดือนมิถุนายน - มรสุมอ่อนกำลัง ปีนี้ฝนน้อย



หลังจากที่ภัยแล้งเล่นงานประเทศออสเตรเลียอย่างหนัก ในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกใต้ที่ผ่านมา ส่งผลให้สินค้าเกษตรออสเตรเลียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง .. วันนี้ เอล นีโญ ได้มาเยือนหลายๆ ประเทศแล้ว ฟิลิปปินส์ประกาศภาวะวิกฤตขาดแคลนน้ำในหลายๆ เมืองทั่วประเทศ และ หน้าร้อนที่กำลังจะมาเยือนประเทศไทยเรานี้ น่าจะเป็นปีที่สาหัสสำหรับคนไทยด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นปีที่ทั้งแล้ง และ ร้อนเอาการปีหนึ่งเลยทีเดียว

- เอล นีโญ จะมีผลกระทบต่อระบบมรสุม จะทำให้ฝนตกน้อยลง ส่งผลให้เกิดภัยแล้งไปถึงเดือนมิถุนายน ถ้าแย่หน่อย อาจจะยาวไปถึงเดือน สิงหาคม ก็เป็นได้

- เอล นีโญ ได้เช้ามาเยือนฟิลิปปินส์แล้ว ส่งผลให้เกิดอากาศร้อนและแห้งทั่วประเทศ ในกรุงมะนิลา มีการประกาศเตือนเรื่องภาวะการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคแล้ว และเมืองอีก 11 เมืองทั่วประเทศประสบกับภาวะภัยแล้ง การผลิตข้าวในฟิลิปปินส์ปีนี้อาจจะพบกับหายนะเลยทีเดียว

- ที่รัฐซาราวัค ของมาเลเซีย บนเกาะบอร์เนีย ตอนนี้รับรู้ภัยแล้งกันแล้ว โดยมีการเตรียมพาหนะขนน้ำ ทั้งเฮลิคอปเตอร์ โดรน รถขนน้ำ ไว้พร้อมสู้ภัยแล้ง

- ตั้งแต่มีการบันทึกอุณหภูมิของโลกในปี ค.ศ. 1880 หรือเกือบ 140 ปีที่ผ่านมา พบว่าปีที่แล้วคือ ปี 2018 โลกร้อนมากที่สุดเลยครับ (ปี 2019 อาจจะร้อนกว่า ก็เป็นได้)🔥🔥🔥

- ปี 2015 เคยทุบสถิติร้อนที่สุด แต่ก็พ่ายแพ้ให้ปี 2016 และต่อมาก็พ่ายแพ้ให้ปี 2017 และ ตอนนี้ปี 2018 ทำลายทุกสถิติเลย .. รอชมผลงานของปี 2019 กันครับ ว่าจะทำลายสถิตือีกหรือไม่

- เมื่อเดือน ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา อุณหภูมิของหลายๆ เมืองในประเทศอังกฤษ ได้พุ่งสูงไปถึง 20 องศาเซลเซียส ทั้งๆ ที่ปกติเดือนนี้ยังอยู่ในฤดูหนาวอยู่เลย .. ตอนนี้ ชาวอังกฤษจึงเกิดคำถามว่า แล้วถ้า หน้าร้อนจริงๆ มาแล้วจะเป็นอย่างไร



อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to .....
- Data from https://www.bloombergquint.com/global-economics/increased-chances-of-el-nino-is-a-concern-for-indian-monsoon-says-skymet#gs.22877f
- Data from https://english.manoramaonline.com/lifestyle/news/2019/03/18/el-nino-may-dversely-affect-monsoon.html
- Data from https://www.express.co.uk/news/weather/1092806/uk-summer-2019-long-range-forecast-will-summer-2019-be-hot-uk-weather-latest
- Data from https://www.nytimes.com/2019/02/26/world/europe/climate-change-hottest-day-uk.html
- Data from https://www.thestar.com.my/news/nation/2019/03/26/sarawak-says-all-ready-for-dry-el-nino-weather/
- Data from https://news.mb.com.ph/2019/03/25/el-nino-death-of-the-rice-industry/

13 มีนาคม 2562

โลกในยุคปรับตัว ! ยุคมหา'ลัยร้าง อาจารย์จะตกงาน - วันนี้ คุณเรียนรู้ทักษะใหม่หรือยัง ?


ในภาพอาจจะมี 3 คน, ผู้คนกำลังนั่ง, รองเท้า, ตาราง และสถานที่ในร่ม

โลกแห่ง Disruption กำลังทำลายล้างทุกวงการครับ การค้า อุตสาหกรรมการผลิต เกษตร การเงิน การศึกษา บันเทิง

แจ๊ค หม่า เคยบอกว่า ต่อไปปริญญาจะมีค่าเพียงใบเสร็จรับเงิน เพื่อบอกว่าเราจ่ายไปเท่าไหร่ เพื่อให้ได้ปริญญานั้นมา .. โลกในยุคปัญญาประดิษฐ์ เราจะมีงานทำหรือไม่ ก็อยู่ที่ทักษะ ความสามารถต่างๆ ของเรา โดยเฉพาะพวก Soft Skills หรือ ทักษะที่ไม่ได้สอนในห้องเรียน

เมื่อก่อน --> ความรุ่งเรื่องในอาชีพนั้น วัดกันที่ใครทำงานกับผู้ใหญ่ได้มากกว่า ก็จะมีเส้นทางอาชีพที่ผู้ใหญ่วางหมากให้

เดี๋ยวนี้ ----> ความก้าวหน้าในอาชีพ วัดกันที่ใครทำงานกับ เด็กรุ่นใหม่ได้มากกว่า เพราะ เส้นทางอาชีพ เราขีดเขียนได้เอง .. การทำงานร่วมกับเด็กๆ มีโอกาสปรับตัวเข้ากับยุคแห่ง Digital Disruption ได้มากกว่า

ในภาพอาจจะมี 5 คน, ผู้คนกำลังยืน

ในยุคหน้า ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ ออโตเมชั่น จะเข้ามาแทนที่มนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ งานในยุคต่อไปจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ครับ

(1) งานล้ำสมัย เป็นงานที่มีอนาคต มีการเติบโต รายได้ดี เช่น เกษตรกรผู้ปลูกผักแนวดิ่ง นักวิทยาศาสตร์เซนเซอร์ นักพัฒนาหุ่นยนต์ นักการแพทย์นาโน วิศวกรไอโอที วิศวกรเกมส์ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล

(2) งานทันสมัย เป็นงานที่ยังมีให้ทำ แต่ก็เสี่ยงจะตกงานได้ตลอดเวลา เช่น นักพัฒนาแอพพลิเคชั่น นักวิเคราะห์ข้อมูล นักพัฒนาเว็บไซต์ วิศวกรอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

(3) งานล้าสมัย เป็นงานที่จะหายไปจากโลก ถ้าไม่หายไปก็เป็นงานที่หาคนทำยาก เพราะงานไม่ท้าทาย เช่น เสมียน นักบัญชี บุคลากรทางการแพทย์ นักจุลชีววิทยา งานคลัง งานพัสดุ เป็นต้น

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ฝูงชน

หมดยุค "งานที่มั่นคง" แล้วครับ แม้แต่อาชีพ อาจารย์มหาวิทยาลัยก็ไม่มั่นคง ตอนนี้หลายๆ มหาวิทยาลัยเริ่มลดจำนวนอาจารย์ลงแล้วครับ จากแนวโน้มที่เด็กเข้าเรียนมหาวิทยาลัย น้อยลงไปเรื่อยๆ จึงกลายเป็นว่า ณ วันนี้ เรามีอาจารย์มหาวิทยาลัยมากเกินไป จึงจำเป็นต้องลดจำนวนลง .. ดังนั้น คนจบปริญญาเอกในอนาคต ไม่ว่าจะจบจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลกแค่ไหน จะเป็น ฮาร์วาร์ด เอ็มไอที อ็อกฟอร์ด เคมบริดจ์ ก็มีสิทธิ์ตกงานได้หมดครับ เพราะตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัย แทบไม่มีแล้ว

คุณค่าของงานในอนาคตจะเคลื่อนย้ายจากโลกที่เป็นรูปธรรม (Physical World) ไปสู่โลกที่เป็นนามธรรม (Cyber World) .. วันนี้ คุณได้เตรียมพร้อมทักษะใหม่ๆ เพื่ออยู่ในโลกอนาคตหรือยัง ?

Jobs Upskill Route Digital Technologies

Credit : Many Thanks to ....
- Picture from https://tarrysingh.com/artificial-intelligence-job-market/

26 กุมภาพันธ์ 2562

ถึงคราวประมงยุคเก่า ถูกล้มล้าง ! กระชังหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์เข้าแทนที่ ลอยเต็มทะเล


ในยุคแห่งดิสรัปชัน (Disruption) ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างเร็วมาก ใครยังทำอะไรแบบเดิมๆ วันนี้จะหาที่ยืนได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ครับ .. ในอุตสาหกรรมประมงเองก็กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากยุคเรือประมงหาปลา ไปสู่ยุคกระชังเลี้ยงปลาหุ่นยนต์

จำได้ไหมครับ ข่าวที่บริษัทเลี้ยงปลาแซลมอนในนอร์เวย์ มาจ้างเมืองจีนให้สร้างกระชังหุ่นยนต์เลี้ยงปลาขนาดยักษ์ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 110 เมตร สูงกว่า 70 เมตร มีปริมาตรในการเลี้ยงได้มากถึง 250,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างเสร็จแล้วก็ใช้เรือลากจูงขนาดใหญ่ ลากข้ามน้ำข้ามทะเล หลายพันกิโลเมตรไปส่งที่ประเทศนอร์เวย์ ปรากฎว่าใช้ดิบใช้ดีมาก .. เมืองจีน เลยบอกว่า ไม่ได้แล้ว เราก็จะต้องทำใช้เองบ้าง (โดยการ copy จากสิ่งที่ฝรั่งมาจ้างทำ นั่นแหล่ะครับ) โดยมีแผนจะสร้างนิคมเลี้ยงปลาที่ใช้ฝูงกระชังยักษ์ แถวๆ นอกชายฝั่ง เกาะไห่หนาน หรือ ที่คนไทยเรียกว่า เกาะไหหลำ ... อีกทั้งยังมีแนวคิดจะเลี้ยงปลาแซลมอน แถวๆ นอกชายฝั่งเมืองชิงเต่า ที่อยู่ทางตอนเหนือ อีกด้วย


ตอนนี้เทรนด์นี้ กำลังระบาดไปทั่วโลกแล้วครับ .. ต่อไปเราจะได้เห็น อาณาจักรการเลี้ยงปลาด้วยฝูงกระชังหุ่นยนต์ ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ในการดูแลปลา ที่อาจจะมา Disrupt หรือ ล้มล้างอุตสาหกรรมประมงยุคเก่า ก็เป็นได้ ?!?!

มนุษย์โลกเราบริโภคปลาปีละ 167 ล้านตัน (ข้อมูล FAO ค.ศ. 2014) เป็นปลาที่จับจากแหล่งน้ำธรรมชาติ 93 ล้านตัน เพาะเลี้ยงจำนวน 74 ล้านตัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 เราสามารถจับปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติได้ปีละ 90 กว่าล้านตันนี้มาตลอด ประมาณ 25 ปีมาแล้วก็ไม่เคยจับได้เพิ่มขึ้นกว่านี้อีกเลย นั่นแสดงให้เห็นว่า อนาคตของสัตว์น้ำ อนาคตของอาหารทะเล ขึ้นอยู่กับการเพาะเลี้ยงอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงนอกชายฝั่ง คือ เลี้ยงในทะเลเปิด !!


เทคโนโลยีหุ่นยนต์กระชังเลี้ยงปลาที่จีนสร้างขึ้นมานี้ มีระบบเซนเซอร์ตรวจวัดในกระชังกว่า 20,000 เซนเซอร์ สามารถทำให้ลอยเท้งเต้งในทะเลเปิด โดยจะลอยไปลอยมาเพื่อให้ปลาได้รู้สึกเหมือนกับว่ายน้ำจริงๆ หรืออาจจะฝังสมอเพื่อให้มันลอยในบริเวณที่ควบคุม โดยเจ้ากระชังนี้จะมีระบบอัตโนมัติในการให้อาหาร และดูแลสภาพแวดล้อมในการเลี้ยง เฝ้ามองการเจริญเติบโตของปลา และยังสามารถกำจัดปลาที่ตายในกระชังออกไปด้วย โดยกระชังบางชนิด มีระบบเฝ้าระวัง สามารถเคลื่อนที่หลบพายุ ไปยังบริเวณที่ปลอดภัยได้ด้วย มันมีความกว้างถึง 110 เมตร สูง 80 เมตร มีความจุ 250,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถเลี้ยงปลาแซลมอนได้ 1.5 ล้านตัว ในเวลา 14 เดือน สำหรับเลี้ยงในเขตน้ำเย็นทางตอนเหนือของจีน .. ส่วนปลาที่จะเลี้ยงแถวทะเลจีนใต้นั้น ยังไม่ทราบว่าเป็นปลาอะไรนะครับ

ว่ากันว่า การลงทุนครั้งนี้ จะทำให้เกิดรายได้มากถึง 100,000 ล้านบาท และสร้างงานใหม่ในห่วงโซ่มูลค่าใหม่อันนี้ได้ 10,000 ตำแหน่ง

และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ กระทรวงเกษตรของจีน มีเป้าหมายจะสร้างนิคมเลี้ยงปลาในทะเล ขึ้นมาให้ได้ 178 แห่ง ภายในปี ค.ศ. 2025 ซึ่งจะทำให้จีนสามารถผลิตอาหารทะเลได้จำนวนมาก แข่งกับอุตสาหกรรมประมงแบบเดิม

ถ้าวันนั้นมาถึง ... อุตสาหกรรมประมงยุคเก่า ก็ถึงคราวถูก Disrupted อย่างแน่นอน !!


อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.yicaiglobal.com/news/hainan-will-build-china’s-first-smart-high-seas-deep-water-fish-farm
- Data from http://www.xinhuanet.com/english/2018-04/12/c_137106802.htm
- Data from https://www.nextbigfuture.com/2018/05/china-will-start-using-huge-deep-sea-fish-farming-cages-for-1500-tons-of-salmon-per-season-per-cage.html
- Data from http://www.scmp.com/news/china/society/article/2144819/chinese-fish-farm-tests-deep-sea-waters-worlds-biggest-salmon
- Data from http://www.chinadaily.com.cn/world/cn_eu/2017-06/05/content_29611484.htm
- Data from https://www.undercurrentnews.com/2018/04/18/chinese-consortium-signs-deal-for-1bn-offshore-super-fish-farm-project/
- Data from https://www.undercurrentnews.com/2018/12/07/in-pictures-chinas-offshore-pen-designs/

09 กุมภาพันธ์ 2562

สมัครด่วน ! 7 สายงานด้านกัญชา ที่โลกต้องการ


อุตสาหกรรมกัญชา กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดในอเมริกาเหนือ ไปเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าหลายล้านๆ บาทในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทำให้ตำแหน่งงานทางด้านนี้ เปิดรับผู้สมัครใหม่จำนวนมาก ในปีที่แล้ว จำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเติบโตกว่า 690% และคาดว่าปีนี้ จะเติบโตได้อีก 220%

มาดูกันนะครับว่า ตำแหน่งที่เป็นที่ต้องการตอนนี้ มีอะไรกันบ้าง

(1) พนักงานขายหน้าร้าน ตอนนี้เป็นที่ต้องการมากที่สุด ต้องเป็นคนที่มีความรัก ความสนใจในกัญชาอย่างแท้จริง เรียกว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้กัญชา มีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องกัญชา เพื่อที่จะอธิบายลูกค้าเวลามาซื้อกัญชาไปใช้นั่นเองครับ

(2) นักวิทยาศาสตร์กัญชา ผู้ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมคุณภาพกัญชา ไม่ว่าจะเป็นการหาสารปนเปื้อนในกัญชา ยาฆ่าแมลง จำนวนสารออกฤทธิ์ต่างๆ เพื่อให้ถูกต้องและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เรียกว่า ถ้าเรียนด้านนี้มา คุณคือทรัพยากรอันมีค่าในอุตสาหกรรมนี้จริงๆ นะ


(3) แบรนด์แอมบาสเดอร์ ผู้ที่จะสร้างความสนใจของสินค้าให้เป็นที่รู้จัก และอยากเข้ามาเป็นลูกค้า หรือ สาวก เนื่องจากสินค้าประเภทนี้ ไม่สามารถโฆษณาได้แบบปกติเหมือนสินค้าทั่วไป จึงต้องหาช่องทางโฆษณาที่แตกต่างไป ตัว Influencer จึงมีความสำคัญมากจ้า

(4) ผู้อำนวยการสกัดสารกัญชา ซึ่งเป็นผู้ดูแลควบคุมการสกัดสารกัญชา รู้ว่าต้องออกแบบยังไง สร้างแลปยังไง รวมทั้งหาเจ้าหน้าที่แลปเข้ามาทำงานด้วย


(5) เจ้าหน้าที่ตัดแต่งกิ่งและเก็บเกี่ยวกัญชา ตำแหน่งนี้ ก็ต้องเชี่ยวชาญนะ เพราะงานนี้ต้องมีความระมัดระวังสูง ต้องมีความรู้ทางด้านสรีรวิทยาของพืชอีกด้วย งานนี้ เขาให้ค่าตอบแทนกันตามน้ำหนักของผลผลิต กันเลยทีเดียว

(6) ผู้จัดการฝ่ายกฎระเบียบ มีหน้าที่ดูแลกิจกรรมต่างๆ ในบริษัทให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่รัฐควบคุม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ตั้งแต่เรื่องการเพาะปลูก การสกัดสาร การควบคุมคุณภาพ การส่งสินค้า การขายหน้าร้าน และอื่นๆ ครับ

(7) คนส่งสินค้า ตอนนี้ต้องการมากๆ เพราะคนที่จะทำหน้าที่นี้ได้ ไม่ใช่มีใบขับขี่กับมีรถ ก็ทำได้เลยนะ ต้องมีความรู้เรื่องกัญชา ข้อควรระวัง กฎระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ในการขนส่งสินค้าประเภทนี้

รู้ยังงี้แล้ว .. รีบไปสมัครกันได้เลยนะคร้าบพี่น้อง !!




อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to .....
- Data from https://www.leafly.com/news/industry/characteristics-reputable-cannabis-dispensary
- Data from http://fortune.com/2019/01/31/change-jobs-cannabis-industry/

05 มกราคม 2562

เนเธอร์แลนด์ - เกษตรกรรมแบบทำน้อยได้มาก พื้นที่ปลูกน้อย แต่รวยกว่า


ประเทศเล็กๆ อย่างเนเธอร์แลนด์ แต่ส่งออกสินค้าเกษตร เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา .. ประเทศแห่งโรงเรือนและเทคโนโลยีเกษตรล้ำหน้าแห่งนี้ กำลังมองอนาคตตัวเอง เพื่อไปสู่เกษตรยั่งยืน เน้นกระจายชนิดการปลูก การเพิ่มมูลค่า หาตลาดใหม่ให้เกษตรกร ส่งเสริมขายตรง และมุ่งสู่พืขสมุนไพร

– ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีพื้นที่เกษตรกรรมในโรงเรือน ต่อ พื้นที่ทั้งหมด สูงมากที่สุดในโลก ซึ่งก็ทำให้สามารถผลิตสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง เช่น ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ได้ตลอดทั้งปี และมีผลผลิตต่อพื้นที่ค่อนข้างสูงมาก

– แม้แต่ไร่มัน เขาก็ใช้ “เกษตรแม่นยำสูง” หรือ Precision Farming มาช่วยดูแลการผลิต มีการใช้โดรนเก็บข้อมูล ค่าเคมีของดิน ปริมาณน้ำ สารอาหาร และการเจริญเติบโตของพืชอย่างละเอียด โดยวัดพัฒนาการของพืชเป็นรายต้น ลงไปจนถึงมันฝรั่งแต่ละหัว ผลผลิตโดยเฉลี่ยของมันฝรั่งรวมทั่วโลกอยู่ที่ราว 20 ตันต่อไร่ ทว่าไร่ของเกษตรเนเธอร์แลนด์ผลิตได้มากกว่า 47 ตันต่อไร่


– การทำเกษตรของเนเธอร์แลนด์ ไม่ได้มีแค่ในพื้นที่เปิดกลางแจ้ง หรือ ในโรงเรือนแบบกรีนเฮ้าส์ เท่านั้น … แต่ยังไปทำในอาคารแบบ Plant Factory บนหลังคา หรือแม้แต่ในห้างสรรพสินค้าก็ยังมีการปลูกผัก .. เนเธอร์แลนด์ยังมีบริษัทผู้ผลิตหลอดไฟ LED รายใหญ่สำหรับใช้ในการปลูกพืช

– ย้อนหลังไปเกือบ 20 ปีก่อน ชาวดัตช์ทั่วประเทศเห็นพ้องต้องกันที่จะยึดวิถีเกษตรยั่งยืน ภายใต้คำขวัญรณรงค์ว่า “ผลิตอาหารให้ได้เพิ่มขึ้นสองเท่า โดยใช้ทรัพยากรเพียงครึ่งเดียว” นับจากปี 2000 เป็นต้นมา เกษตรกรประเทศนี้ ลดการพึ่งพาน้ำในการปลูกพืชไร่สำคัญหลายชนิดลงได้มากถึงร้อยละ 90 พวกเขาสามารถเลิกการใช้ยาฆ่าแมลง ในโรงเพาะปลูกออกไปได้แทบทั้งหมด และนับจากปี 2009 เป็นต้นมา ผู้ผลิตสัตว์ปีกและปศุสัตว์ก็สามารถลดการใช้ยาปฏิชีวนะลงได้มากถึงร้อยละ 60

– เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรหนาแน่น โดยมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 500 คนต่อตารางกิโลเมตร และแทบไม่มีทรัพยากรทุกอย่างที่เชื่อกันมานานว่าจำเป็นต่อระบบเกษตรกรรมขนาดใหญ่ กระนั้น เนเธอร์แลนด์กลับเป็นผู้ส่งออกอาหารมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกเมื่อวัดจากมูลค่า โดยเป็นรองแต่เพียงสหรัฐฯ ซึ่งมีผืนดินมากกว่าถึง 270 เท่า ชาวดัตช์ทำเช่นนั้นได้อย่างไร

– ผืนดินมากกว่าครึ่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ใช้เพื่อกิจกรรมการเกษตรและการปลูกพืชสวน ทิวแถวของสิ่งที่ดูเหมือนแผงกระจกเงาขนาดใหญ่ยักษ์ทอดยาวไปตามเขตชนบท บานกระจกเหล่านี้คือหมู่อาคารเรือนกระจก (greenhouse) ไม่ธรรมดาของเนเธอร์แลนด์ บางแห่งกินพื้นที่ถึงกว่า 400 ไร่ นอกจากนี้ ชาวดัตช์เป็นผู้ส่งออกมันฝรั่งและหอมใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง และเป็นผู้ส่งออกพืชผักโดยรวมเป็นอันดับสองในเชิงมูลค่า กว่าหนึ่งในสามของปริมาณการค้าเมล็ดพันธุ์ผักทั่วโลกมีแหล่งที่มาจากเนเธอร์แลนด์

- อนาคตของเกษตรเนเธอร์แลนด์ อยู่บนพื้นฐานของ 9 แนวคิด คือ
(1) รักษาความเป็นผู้นำองค์ความรู้ด้านการเกษตร 
(2) การจัดการดินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (ผ่านการศึกษาการใช้แร่ธาตุในดิน และการศึกษาห่วงโซ่ระหว่าง ดิน พืช สัตว์ ปุ๋ย)
(3) เน้นการ optimization มากกว่าการ maximization บนสินค้าประเภทเดียว
(4) สนับสนุนการสร้างรายได้ของชาวนาผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่นการเพิ่มมูลค่าสินค้า (ผลิตชีสจากนม ก๊าซจากมูลสัตว์ การเปิดร้านขายสินค้า การจัดกิจกรรมเพื่อเด็กและสันทนาการสำหรับบุคคลต่าง ๆ )
(5) ให้ความสำคัญต่อการขายตรง และความเชื่อมต่อระหว่างเมืองและชนบท
(6) ให้คุณค่าต่อความเชื่อมโยงระหว่างชาวนาและสิ่งแวดล้อม
(7) การให้ความสำคัญต่อสายพันธุ์ท้องถิ่น ความหลากหลายทางพันธุกรรม และการเพาะพันธุ์ที่ไม่เน้นใช้ประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่ง
(8) ความเชื่อมต่อระหว่างสัตว์และการเกษตรกรรม
(9) ให้ความสำคัญกับพืชสมุนไพร


อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to .....
- Data and Pictures from https://www.nationalgeographic.com/magazine/2017/09/holland-agriculture-sustainable-farming/
- Data from https://www.thairath.co.th/content/1063559