ข่าวคราว ความเคลื่อนไหวต่างๆ ด้านเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะทั่วโลก ความรู้และวิทยาการด้าน Smart Farm และ เกษตรกรรมความแม่นยำสูง มาพบกับท่านที่นี่ ทุกวัน มาช่วยกันพัฒนาเกษตรกรรมของไทยให้เป็น ประเทศแห่งเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm Nation)
23 เมษายน 2562
ฤาจะหมดยุคนมวัว ! เกษตรกรโคนมเศร้า นมจากพืช ตีตลาดกระจุย
ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบล้มล้าง (Disruptive Change) ไม่ละเว้นวงการไหนในโลก .. แม้แต่ในวงการอาหารเอง ผู้เล่นรายเก่าเริ่มมีอันเป็นไป ธุรกิจที่อยู่คู่โลกมานานอย่าง โคนม ก็กำลังประสบปัญหายอดขายตกต่ำลงเรื่อยๆ โดยในปี 2018 ที่ผ่านมานั้น ยอดขายนมวัวหายไปจากตลาดกว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 35,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
- เมื่อปีที่แล้ว เกิดข่าวใหญ่ในสหรัฐฯ เมื่อสหกรณ์โคนมยักษ์ใหญ่ ที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด ได้ประกาศปิดโรงงานผลิตน้ำนมที่เปิดมากว่า 100 ปี ด้วยเหตุผลยอดขายที่ลดลงจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ก่อนหน้านั้น ในปี 2017 บริษัท Dean Foods ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสินค้าจากนมวัว ก็ได้ปิดโรงงานบางแห่งจากภาวะขาดทุน ต่อเนื่องมาจากปี 2015 และ ปี 2016 ที่มีการปิดโรงงานผลิตนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ในหลายๆ รัฐ
- ยอดขายของนมวัวในปี 2018 นั้นเท่ากับ 13.6 พันล้านเหรียญ (4.34 แสนล้านบาท) ลดลงจากปี 2017 ที่มียอดขายกว่า 14.7 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 4.69 แสนล้านบาท) ในขณะที่ยอดขายของนมจากพืชในปี 2017 นั้นมีสูงถึง 11.9 พันล้านเหรียญ (3.8 แสนล้านบาท) และคาดว่าจะเติบโตไปเป็น 1.1 ล้านบาท ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า แซงนมวัวไปแบบไม่เห็นฝุ่น
- บริษัทคาร์กิล (Cargill) ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารได้ทำการสำรวจความนิยมของ "นมจากพืช" พบว่า ผู้บริโภคนมวัวในสหรัฐฯ จำนวน 50% ก็กำลังบริโภคผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ทำมาจากพืชอยู่ พร้อมๆ กันไปด้วย (อันแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่คนกลุ่มนี้ จะหันเหไปสู่ทางเลือกใหม่แทนที่ผลิตภัณฑ์เดิม - ผู้เขียน) ซึ่งมีผู้บริโภคจำนวน 20% ที่ตอบแบบสอบถาม บอกว่า ตนเองไม่บริโภคนมวัว อันเนื่องมาจากเรื่องของสวัสดิภาพสัตว์
- ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 35% บอกว่าไม่บริโภคนมวัว เพราะแพ้นมวัว ทั้งนี้ในโลกของเรามีคนที่ดื่มนมวัวไม่ได้ มากถึง 75% ซึ่งนี่แหล่ะ คือโอกาสของ "นมจากพืช
- กระแสความนิยม "นมทางเลือก ที่ไม่ใช่นมวัว" กำลังกระพือทั่วสหรัฐฯ และมีแนวโน้มจะกระจายไปทั่วโลก โดยมีเหล่าสตาร์ทอัพ และ นักลงทุน Venture Capital ช่วยกันประโคมกระแส ในห้างหลายๆ แห่งถึงกับมีเครื่องทำนมอัลมอนด์ด้วยตัวเอง ไว้บริการลูกค้า
- ความร้อนแรงของตลาดนมทางเลือกที่ทำจากพืชนี้ ถึงกับทำให้ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องไม่ให้ใช้คำว่า "นม" กับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาจาก "วัว" แต่ก็ได้รับการเย้ยหยันว่า คำว่า นมเพื่อเรียกสิ่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่นมวัว เขาก็ใช้กันมาเป็นร้อยปีแล้ว
- มีเหตุผลหลายอย่าง ที่ผู้บริโภคทั้งหลาย อยากบอกลา "นมวัว" แล้วหันมาบริโภค "นมจากพืช" แทน อันได้แก่ นมจากพืชมีให้เลือกหลากหลาย คุณค่าทางอาหารก็หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็น นมถั่ว นมอัลมอนด์ นมข้าว มะพร้าว ฮาเซลนัท ทั้งนี้ยังรวมไปถึง กระแสสวัสดิการสัตว์ ซึ่งผู้บริโภคจำนวนมาก ไม่ต้องการทรมานสัตว์ อีกทั้ง นมจากพืช ยังมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่การผลิต นมวัว สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก ทั้งการปล่อยก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศ การใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย เป็นต้น นี่ยังไม่นับรวมจำนวนผู้แพ้นมวัว ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย ในกลุ่มประชากรรุ่นใหม่
-ก่อนหน้านี้ วงการไข่ไก่ของสหรัฐฯ อเมริกา ก็ต้องกระอักเลือด เมื่อ "ไข่ ที่ไม่ต้องมี ไก่" เริ่มเข้ามาทดแทนไข่จากไก่จริงๆ จนทำให้บริษัทไข่ไก่ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประสบภาวะขาดทุนหลายพันล้านบาท เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2017
.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to .....
- Data from https://www.fastcompany.com/90324853/dont-cry-but-milk-sales-plummeted-by-1-1-billion-last-year?mc_cid=6f3e9409e5&mc_eid=197d05a1de
- Data from https://www.dairyreporter.com/Article/2018/01/17/California-Dairies-closing-Los-Banos-plant?utm_source=newsletter_daily&utm_medium=email&utm_campaign=17-Jan-2018&c=huXCe7ePaPPdhvyxS%2Fw4%2FFYD%2FkC7QWDo&p2
- Data from http://www.onegreenplanet.org/news/california-daires-inc-shutting-hundred-year-old-plant/
- Data from http://www.onegreenplanet.org/news/cargill-finds-milk-drinkers-also-use-dairy-alternatives/
- Data from https://www.fastcompany.com/3067287/big-dairy-wants-plant-based-milk-to-stop-calling-itself-milk
- Picture from https://smartlifebites.com/plant-based-milk/
- Picture from https://www.foodnavigator-usa.com/Article/2017/09/01/FDA-too-busy-to-weigh-into-plant-milk-debate
Labels:
cow,
future of food,
future of meat,
USA