ข่าวคราว ความเคลื่อนไหวต่างๆ ด้านเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะทั่วโลก ความรู้และวิทยาการด้าน Smart Farm และ เกษตรกรรมความแม่นยำสูง มาพบกับท่านที่นี่ ทุกวัน มาช่วยกันพัฒนาเกษตรกรรมของไทยให้เป็น ประเทศแห่งเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm Nation)
29 เมษายน 2560
กลุ้มใจจัง ! เมื่อญี่ปุ่นจะปลูกกล้วยหอมเอง - แล้วเมืองไทย จะส่งออกไปให้ใครกิน ?
เตรียมตัว เตรียมใจ หน่อยนะครับพี่น้อง .... เมื่อคนญี่ปุ่นกำลังจะปลูกกล้วยหอมกินเอง !!
คนญี่ปุ่น มีนิสัยชื่นชอบการกินกล้วย ทำให้ปีหนึ่งๆ ญี่ปุ่นนำเข้ากล้วยหอมเข้าประเทศจำนวนมากถึง 1 ล้านตัน แต่ในอนาคตที่ไม่ไกลจากนี้ ญี่ปุ่นอาจจะพึ่งพาตัวเองด้วยการปลูกกล้วยเลี้ยงผู้คนในประเทศ หรือแม้แต่ถึงกับส่งออกไปขายต่างประเทศอีกด้วย
..
ถึงแม้ กล้วยจะเป็นพืชเขตร้อน แต่ เซ็ทสึโซะ ทานากะ (Setsuzo Tanaka) เกษตรกรญี่ปุ่น เชื่อว่าเขาได้ค้นพบวิธีการปลูกกล้วยในสภาพอากาศหนาวเย็น แถมทำให้โตได้เร็วอีกด้วย (แอดมินก็เชื่อนะครับ เคยไปเห็นคนญี่ปุ่นปลูกกล้วยข้างๆ โรงเรือนที่เมืองจิบะ) เซ็ทสึโอะบอกว่า เขาสามารถปลูกกล้วยให้โตและออกลูกได้โดยใช้เวลา 4 เดือน ด้วยการให้ต้นอ่อนอยู่ในสภาพจำลองของโลกในช่วงยุคน้ำแข็ง ที่มีอุณหภูมิติดลบ 60 องศา (เซลเซียส) จากนั้นเมื่อน้ำแข็งละลายแล้ว ก็เอาต้นอ่อนไปปลูก ซึ่งเขาบอกว่า พืชจะรู้สึกเหมือนตื่นจากภวังค์ในช่วงจำศีล และเริ่มเติบโตเสมือนการสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง ที่กลางวันมีอุณหภูมิประมาณ 12 องศา ส่วนตอนกลางคืนก็ต่ำกว่า ศูนย์
..
ซึ่งเซ็ทสึโอะ เชื่อว่า พืชอย่างกล้วยเองก็เคยผ่านยุคน้ำแข็งมาก่อน จึงน่าจะปลูกในสภาพอากาศหนาวได้ ... แต่เซ็ทสึโอะก็บอกว่า ขั้นตอนการทำจริงๆ มันก็มีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ อีกที่เขาได้เรียนรู้มายาวนานถึง 4 ทศวรรษ โดยความพากเพียรของเขาจะเริ่มผลิดอกออกผลในปีหน้านี่หล่ะ ซึ่งบริษัทที่เขาจัดตั้งขึ้นมาจะเริ่มปลุกกล้วยแบบอุตสาหกรรมในญี่ปุ่น !!
..
เซ็ทสึโอะบอกว่า ถ้าญี่ปุ่นปลูกกล้วยได้เมื่อไหร่ มันจะสร้างงานได้ 200,000 ตำแหน่ง และสร้างมูลค่าได้มากกว่า 6 แสนล้านเยน (185,000 ล้านบาท) เลยทีเดียวครับพี่น้อง เซ็ทสึโอะ ยังมองไปถึงการไปลงทุนปลูกพืชอื่นๆ ในไซบีเรีย ซึ่งมีดินและน้ำอุดมสมบูรณ์
..
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data and Picture from http://asia.nikkei.com/magazine/Fresh-ideas/Tech-Science/Growing-bananas-in-the-cold
- Data from http://www.mopalab.com/enhome
- Picture from http://goope.akamaized.net/48137/170131095546-588fe09218f9c.jpg
Labels:
banana,
Climate Change,
fruit,
Japan
27 เมษายน 2560
เมืองไทยว่าไง ? เมื่อหนุ่มสาวจีนนับล้าน กลับบ้านทำเกษตร !
เชื่อมั้ยครับ ? เมืองจีนจะเป็นครัวโลกแล้ว !! ตอนนี้ได้เกิดกระแสคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ พากันอพยพออกจากเมืองใหญ่ เพื่อกลับไปเป็นเกษตรกรในบ้านเกิดของตน ทั่วประเทศจีนนับเป็นจำนวนล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นหนุ่มสาวที่เข้าไปศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้วทำงานเก็บหอมรอมริบได้เงินสักพัก คนเหล่านี้จึงอยากกลับบ้านเพื่อไปสร้างธุรกิจเกษตรของตัวเอง โดยมีเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งกำลังทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่ลงมา อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนในการค้าขายแบบออนไลน์อีกด้วย
..
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ทุ่มเงินประมาณ 450 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 16 ล้านล้านบาท ผ่านธนาคารเพื่อพัฒนาการเกษตร เพื่อนำมาใช้ปฏิรูปการเกษตรของจีนให้ทันสมัย ภายในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือ ปี 2020 โดยจะสร้างนวัตกรรมในภาคเกษตร ส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับภาคเกษตร ปฏิรูปการผลิตตั้งแต่ระดับไร่นา สนับสนุนให้เกิดสตาร์ทอัพทางด้านเกษตร ผู้ประกอบการใหม่ ส่งเสริมชาวชนบท เกษตรกร ให้สามารถทำธุรกิจได้
..
เด็กหนุ่มสาวจีนเหล่านี้ ซึ่งกำลังกลายเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ของจีน ต่างมีความรู้และทักษะพิเศษเพื่อนำกลับมาใช้พัฒนาไร่นา และฟาร์มของตน ทำให้พวกเขาสามารถขายผลิตผลทางการเกษตรได้ในราคาที่สูง น้องคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ฉาง เทียน ซึ่งปลูกพืชจำนวนมากถึง 48 ชนิด ในพื้นที่เพาะปลูกเพียงแค่ 1,400 ตารางเมตรเท่านั้น (ไม่ถึง 1 ไร่) ทำให้ขายพืชทุกชนิดได้หมด แถมยังเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปอีกด้วย
..
น้องลินดา ทาน ผู้หญิงลูกครึ่งจีน-แคนาดา ตัดสินใจกลับบ้านเดิมที่กวางโจว เพื่อที่จะนำความรู้ทางด้านไอทีไปช่วยเหลือชาวนาในหมู่บ้านของเธอ โดยเธอนำข้อมูลและบทวิเคราะห์ รวมทั้งพยากรณ์ทางด้านสภาพภูมิอากาศการเกษตร ไปเผยแพร่ให้แก่เครือข่ายเกษตรกร เพื่อที่จะได้วางแผนการเพาะปลูกให้เหมาะสม
..
ส่วนน้องอีกคนที่ชื่อ เหอ เฉียน นั้นปลูกดอกกุหลาบขาย โดยใช้ระบบสมาร์ทฟาร์ม น้องแกจดสิทธิบัตรการเพาะปลูกไว้ถึง 10 สิทธิบัตร เลยทีเดียว แถมยังกลั่นน้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบขายในราคากิโลกรัมละ 2 แสนหยวน หรือ 1 ล้านบาท
..
นี่เป็นแค่จำนวนไม่กี่ตัวอย่างของเกษตรกรรุ่นใหม่จีนนับล้าน เมื่อประเทศจีนกำลังก้าวสู่ประเทศเกษตรทันสมัย เกษตรกรอัจฉริยะ .. บ้านใกล้เรือนเคียงอย่างไทยเรา จะทำอย่างไรต่อไปดีหนอ ?!?!
..
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from http://www.ecns.cn/voices/2017/04-11/252760.shtml
- Data from http://www.shanghaidaily.com/article/article_xinhua.aspx?id=334042
- Data from http://www.shanghaidaily.com/business/economy/Supplyside-reform-for-agriculture-in-2017/shdaily.shtml
Labels:
China,
happy farmer,
smart farm
23 เมษายน 2560
เกษตรกรไทยปรับตัวด่วน ! ญี่ปุ่นเปลี่ยนนโยบายสู่ประเทศส่งออกอาหาร เตรียมยกเลิกสิทธิพิเศษสินค้าเกษตรไทย 400 รายการ
สถานทูตไทยในญี่ปุ่นเตือนเกษตรกรไทย .. ญี่ปุ่นปรับนโยบายไปสู่ประเทศส่งออกอาหาร
เจ้าหน้าที่สถานทูตระดับสูงของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ได้ออกมาเตือนเกษตรกร และผู้ส่งออกสินค้าเกษตร-อาหารไทยไปยังญี่ปุ่นว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากร หรือ จีเอสพี สินค้าเกษตรจากเมืองไทยจำนวนมากถึง 400 รายการ ในอีก 2 ปีข้างหน้า
..
ฟังดูน่าตกใจ .. แต่นั่นเป็นเพียงน้ำจิ้ม อาหารจานหลักกำลังจะมาเสริฟ เพราะอีกไม่นาน ญี่ปุ่นจะปรับเปลี่ยนจากประเทศนำเข้าอาหาร ไปสู่ประเทศส่งออกสินค้าเกษตร .. อาหารเดิมที่เคยนำเข้า ก็จะใช้วิธีการไปสร้างฟาร์มในประเทศที่ส่งออก เช่น เวียดนาม ยูเครน รัสเซีย แล้วก็ค่อยนำเข้ามาญี่ปุ่น ในขณะที่สินค้านำเข้าหลายชนิด จะเริ่มมีการปลูกทดแทน เช่น มะม่วง หรือ แม้แต่กล้วยหอมที่สามารถปลูกได้ในโรงเรือนทางใต้ของญี่ปุ่น
..
แถม ญี่ปุ่นยังมองไทย เป็น เป้าหมายของการส่งออกสินค้าเกษตร-อาหาร อีกด้วย !!
..
ในปีที่ผ่านมานั้น ญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าเกษตร-อาหาร จากประเทศไทยคิดเป็นมูลค่า 175,560 ล้านบาท แต่ญี่ปุ่นส่งออกเกษตร-อาหาร มาประเทศไทยเพียง 10,670 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าประเทศเราได้เปรียบดุลการค้าทางเกษตร .. ซึ่งเขาบอกว่า ต่อไปจะไม่ใช่แบบนี้แล้วนะ !!
..
ปีที่แล้วยอดส่งออกสินค้าเกษตร เนื้อสัตว์ ของญี่ปุ่นเติบโตล้นหลาม จากเดิมที่เคยเป็นแต่ประเทศนำเข้าอาหารมาตลอด แต่ปรากฎว่าในปีที่แล้วสามารถส่งออกได้ 6.68 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.3 แสนล้านบาท (ถึงแม้จะดูน้อยเมื่อเทียบกับประเทศไทย ที่ส่งสินค้าเกษตรได้เกือบ 1 ล้านล้านบาท ก็ตาม .. แต่ต้องไม่ลืมว่า เขาเป็นประเทศอุตสาหกรรม นะจ๊ะ) เมื่อเทียบว่า แต่เดิมญี่ปุ่นมีแต่นำเข้าอาหาร แต่ตอนนี้ เริ่มส่งออกอาหาร และที่สำคัญมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง
..
- การส่งออกองุ่นเติบโตมากถึง 50%
- การส่งออกสตรอเบอรีเติบโต 35% แม้แต่ประเทศมาเลเซียที่มีแหล่งสตรอเบอรีเลื่องชื่อ ก็ยังต้องซื้อกิน
- การส่งออกชาเขียวเติบโต 14% ยอดส่งออก 11.6 พันล้านเยน (ประมาณ 3.6 พันล้านบาท)
- ส่งออกเนื้อวัวเติบโต 23% โดยเฉพาะเนื้อวากิว ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
..
นอกจากนั้น แทบไม่น่าเชื่อ ญี่ปุ่นยังส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้นอีกด้วยครับ
..
ดังนั้น ต่อไปภายภาคหน้า นอกจากเราจะส่งสินค้าเกษตรเข้าไปขายในญี่ปุ่นได้ยากขึ้นแล้ว เขายังกลายมาเป็นคู่แข่งของเราอีกต่างหาก .. งานเข้าแล้วนะประเทศไทย !!
..
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from http://www.nationmultimedia.com/news/business/EconomyAndTourism/30312054
- Picture from http://discovermagazine.com/galleries/zen-photo/h/how-do-you-like-them-apples
- Picture from http://elleandjess.blogspot.com/2015/04/strawberry-picking-in-enzan-winter-in.html
09 เมษายน 2560
ทำบ้างมั้ย ? เกษตรกรญี่ปุ่น ผลิตได้ทั้งอาหาร และ ไฟฟ้า จากการแชร์พื้นที่เกษตรเพื่อปลูกพืช ควบผลิตพลังงาน
กำลังฮิตในญี่ปุ่นครับ เรื่องของ Solar Sharing หรือการแชร์พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ปลูกพืช กับ ผลิตกระแสไฟฟ้า ... ทำให้เกษตรกรของเขา เป็นทั้งผู้ผลิตอาหาร และ พลังงาน ครับ ... แม้แต่ นาข้าว ก็ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ได้นะครับพี่น้อง ซึ่งที่ญี่ปุ่นเขาจะใช้โครงสร้างโซลาร์เซลล์ที่ยกสูง ทำให้สามารถเข้าไปดำเนินกิจกรรมทางการเพาะปลูกใต้แผงโซลาร์เซลล์ได้ อย่างนาข้าวของเขา ที่มีแผงโซลาร์เซลล์อยู่ข้างบนนั้น แม้แต่รถแทรกเตอร์ รถเกี่ยวข้าว ก็สามารถวิ่งเข้าไปทำงานได้ครับ นอกจากนี้ แผงโซลาร์เซลล์ของเขายังสามารถปรับมุมรับแดดได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือ ระบบแมนวล เพื่อให้เกษตรกร สามารถตั้งองศาได้ว่า จะให้แผงโซลาร์เซลล์ กับ พืชที่อยู่ข้างล่าง แบ่งแสงกันเท่าไหร่
..
ญี่ปุ่นนั้นมีกฎหมาย ห้ามสร้างโซลาฟาร์ม บนพื้นดิน เหมือนในบ้านเรา เพราะเขาไม่ต้องการให้โซลาฟาร์มมาแย่งพื้นที่ทำการเกษตร ดังนั้น การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของเขามักจะเป็นการติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) หรือ สร้างบนผิวน้ำ ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องฉลาดกว่าบ้านเรามากที่เขาเห็นค่าในผืนดิน ซึ่งน่าเสียดายที่โซลาร์ฟาร์มในบ้านเรา หลายๆ แห่ง กลับไปสร้างในพื้นที่เกษตร ที่สามารถปลูกพืชได้ดี แทนที่จะไปสร้างที่ที่ดินที่ปลูกพืชไม่ได้ผล เช่น ที่ดินเค็ม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังอนุญาตให้การเพาะปลูกและโซลาร์เซลล์ใช้ที่ดินร่วมกันได้ ถ้ามีการพิสูจน์ว่า การติดตั้งโซลาร์เซลล์ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้ที่ดินเพื่อเพาะปลูกสูญเสียไป ดังนั้นจึงต้องติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้สูงขึ้น เพื่อให้สามารถเพาะปลูกพืชด้านล่างได้ อีกทั้งยังต้องมีการคำนวณให้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้มีช่องว่าง พอที่แสงจะลอดผ่านลงมาให้แก่พืชที่ปลูกด้านล่างได้ ซึ่งเขาก็จะมีการคำนวณว่าพืชที่เพาะปลูกนั้น ต้องการแสงแดดเท่าใด จึงจะเพียงพอ
..
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า หากพืชได้รับแสงที่เพียงพอแล้ว แสงส่วนเกินที่พืชได้รับ พืชก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อยู่ดี ดังนั้น เราสามารถใช้โซลาร์เซลล์ เพื่อมาดูดซับแสงที่เหลือไปใช้ได้
..
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Picture from http://www.maruhsei.com/wp-content/uploads/2014/12/sharing.jpg
- Picture from http://www.d3.dion.ne.jp/~higashi9/hyousi2a.jpg
- Picture from http://smartblue.jp/wp-content/uploads/DSC01172.jpg
Labels:
energy farm,
Japan,
solar cell,
solar energy
01 เมษายน 2560
ลองมั้ย ! วิธีเพิ่มมูลค่าผลไม้ญี่ปุ่น ที่เกษตรกรไทยสามารถทำตามได้ไม่ยาก เพิ่มราคาได้ 10-100 เท่า
แตงโมรูปทรงเรขาคณิตในญี่ปุ่น เป็นผลไม้ที่ทำราคาได้ดีมากครับ อย่างเช่น แตงโมรูปหัวใจ รูปลูกบาศก์ หรือ ปิระมิด สามารถขายได้ตกเฉลี่ยลูกละ 3,500 บาท ซึ่งการจะทำให้ได้รูปทรงแบบนี้ เกษตรกรจะนำบล็อกมาบังคับรูปทรงของลูกผลไม้ และต้องคอยดูแลเอาใจใส่ จนกว่าจะได้รูปทรงที่สวยงาม .. หลักการตลาดของเกษตรกรญี่ปุ่น ในการสร้างมูลค่าของผลไม้เหล่านี้ ที่เราน่าจะลองนำมาปรับใช้ ได้แก่
..
(1) ถึงแม้เกษตรกรหลายๆ ที่จะมีความชำนาญในการสร้างรูปทรงแปลกๆ ให้แก่ผลไม้ แต่เกษตรกรเขาก็จะไม่ทำออกมาเยอะ เพื่อให้มีจำนวนการผลิตที่เหมาะสมสำหรับการตั้งราคาที่สูงได้ เรียกว่า มีทั้ง ปริมาณ และ คุณภาพ ควบคู่กันไป
(2) ผลไม้ระดับพรีเมียมเหล่านี้ มักจะถูกนำไปวางชายในร้านขายผลไม้ที่ตั้งขึ้นมาพิเศษ เพื่อขายผลไม้ไฮโซ ผลไม้เกรดพรีเมียม และ ผลไม้แปลก โดยเฉพาะ เลยทำให้ได้รับความเชื่อถือ และมีคนยอมจ่ายเงินในราคาสูง .. ถ้าไปวางตามห้าง ก็จะมีมุมผลไม้พิเศษขึ้นไป มีการตกแต่งให้สมกับราคาที่ต้องจ่ายแพง ๆ
(3) ประเพณีการนำผลไม้ราคาเกรดซูเปอร์พรีเมียม มาออกประมูล ก็ช่วยทำให้ดันราคาผลไม้ชนิดนั้นๆ ให้สูงขึ้นได้ครับ คือลูกที่ประมูลเมื่อขายได้ราคาแพง ก็พลอยทำให้ผลไม้จากสวน จากฟาร์มนั้นๆ เพิ่มมูลค่าไปในตัว อย่างเช่น มะม่วงที่ปลูกกันในโรงเรือนที่จังหวัดมิยาซากิ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อจะเริ่มฤดูกาลที่มะม่วงจะออกสู่ตลาด เขาจะเอามะม่วงล็อตแรกที่ดีที่สุดมาประมูลกัน และแล้ว มะม่วงไข่พระอาทิตย์ (Egg of the Sun) ก็ได้ราคาที่สูงที่สุดถึง คู่ละ 300,000 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ 8 หมื่นกว่าบาท ... กลายเป็น มะม่วงที่แพงที่สุดในโลกครับผม
..
มะม่วงญี่ปุ่นได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น และฮ่องกง ถึงขนาด สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ ต้องจัดตู้สินค้าให้พิเศษมายังฮ่องกง ในช่วงฤดูกาลมะม่วงกันเลยทีเดียว ซึ่งก็จะอยู่ในช่วงเดือน พ.ค. - มิ.ย. นี้หล่ะครับ
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to .....
- Picture from http://edition.cnn.com/2017/03/22/foodanddrink/japan-luxury-expensive-fruit/
- Picture from http://mangoworldmagazine.blogspot.com/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)