ข่าวคราว ความเคลื่อนไหวต่างๆ ด้านเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะทั่วโลก ความรู้และวิทยาการด้าน Smart Farm และ เกษตรกรรมความแม่นยำสูง มาพบกับท่านที่นี่ ทุกวัน มาช่วยกันพัฒนาเกษตรกรรมของไทยให้เป็น ประเทศแห่งเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm Nation)
27 กรกฎาคม 2560
เวียดนามปั้นปากน้ำโขงเป็น "สตาร์ทอัพวัลเลย์เกษตร" เลียนแบบซิลิกอนวัลเลย์
พื้นที่ปากแม่น้ำโขงของเวียดนาม เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ทำเลทองด้านเกษตรของเวียดนาม โดยรัฐบาลมีนโยบายจะทำให้พื้นที่แห่งนี้ เป็นทำเลแห่งผู้ประกอบการ ด้วยการจัดตั้ง "Mekong Delta Startup Valley" หรือ สตาร์ทอัพวัลเลย์ปากน้ำโขง โดยเลียนแบบความสำเร็จของซิลิกอนวัลเลย์ ของสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ สตาร์ทอัพวัลเลย์ด้านเกษตรแห่งใหม่ จะมีที่ตั้งอยู่ที่เมือง เกิ่นเทอ (Can Tho) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสี่ของประเทศเวียดนามและเมืองใหญ่ที่สุดในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง มีชื่อเสียงเรื่องตลาดน้ำ หมู่บ้านทำกระดาษสา และลำคลองท้องถิ่นที่สวยงาม
เมืองเกิ่นเทอนี้มีโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ค่อนข้างดี มีสถาบันวิจัยหลายแห่ง ทำให้โอกาสในการสร้างสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมเป็นไปได้ค่อนข้างสูง โดยตั้งเป้าว่าจะตั้งสตาร์ทอัพแห่งปากแม่โขง ให้ได้ 1,000 แห่งภายในปี ค.ศ. 2020
.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.vietnambreakingnews.com/2017/05/mekong-delta-startup-valley-takes-shape/
- Picture from http://getflycrm.com/startup-cong-nghe-la-thu-ngheo-tien-nhat-o-viet-nam/
23 กรกฎาคม 2560
เกษตรในร่มมาแรง ! ซอฟต์แบงค์ลงทุน 6,700 ล้านบาท สตาร์ทอัพปลูกพืชผักแนวตั้งในร่ม หวังป้อนเมืองใหญ่ทั่วโลก
กองทุนของซอฟต์แบงค์ ร่วมกับ อีริค ชมิทด์ อดีตซีอีโอแห่ง กูเกิ้ล และ เจฟ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอน ร่วมลงขัน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,700 ล้านบาท ลงทุนในบริษัทปลูกพืชผักแนวตั้งในร่ม (Plant Factory) ของซิลิกอนวัลเลย์ โดยจะสร้างโรงงานปลูกพืชใกล้กับเมืองซานฟรานซิสโก เพื่อป้อนซูเปอร์มาร์เก็ต และ ร้านอาหารต่างๆ ในเขตเมือง การลงทุนของซอฟต์แบงค์ครั้งนี้ สร้างความฮือฮาในวงการ เกษตรเขตเมือง ไม่น้อยทีเดียวครับ
.
ถึงแม้จะมีการแข่งขันอย่างรุนแรง ระหว่างสตาร์ทอัพปลูกผักในร่ม แต่บริษัทเพลนตี้ (Plenty) ของซิลิกอนวัลเลย์ ซึ่งได้รับการลงทุนในครั้งนี้ ก็บอกว่าเทคโนโลยีตัวเองนั้นไม่เหมือนใคร และมีการวิจัยพัฒนา ไม่ใช่แค่เอาหลอดไฟแอลอีดีมาประกอบเหมือนสตาร์ทอัพทั่วไป โดยเพลนตี้ปลูกผักในแนวดิ่งจริงๆ โดยวัสดุปลูกอยู่ในแนวดิ่งไม่ใช่แนวนอนเหมือนสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ รวมทั้งมีการวิจัยประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และ ระบบระบายความร้อนจากหลอดไฟแอลอีดี
.
เพลนตี้บอกว่า ระบบของเขาสามารถปลูกผักได้เป็น 350 เท่าของการปลูกการแจ้ง โดยใช้น้ำแค่เพียง 1% เท่านั้น
กระแสบูมโครงการก่อสร้างเรือนปลูกพืชผักในร่มแบบที่เรียกว่า Plant Factory กำลังร้อนแรงสุดๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา ข้ามปีมาถึงปีนี้ เริ่มมีการก่อสร้างเรือนปลูกผักแนวดิ่งในหลาย ๆ เมือง แข่งกันเลยทีเดียว
.
ข้อได้เปรียบประการหนึ่งของผักที่ปลูกในร่มคือ มันจะสะอาด ไม่ค่อยมีแบคทีเรีย จึงสามารถอยู่ในชั้นวางของซูเปอร์มาร์เก็ต ได้นานกว่าผักที่มาจากการปลูกกลางแจ้ง ในที่สุดแล้ว ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ภัตตาคารต่างๆ ก็จะเริ่มหันมาขายอาหารที่เกิดจากการผลิตใกล้ๆ ขนส่งไม่ไกล เหมือนกับปรากฎการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป ขณะนี้
..
ยุคแห่งเกษตรกรรมในเมืองกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ... เกษตรกรที่อยู่ในชนบท ในพื้นที่ห่างไกล จะทำอย่างไรต่อไป เมื่อเกษตรในเมืองเริ่มเข้ามาแทนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ?!?!
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://techcrunch.com/2017/07/19/billionaires-make-it-rain-on-plenty-the-indoor-farming-startup/
- Data from https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-07-19/softbank-s-vision-fund-leads-200-million-bet-on-indoor-farming
- Picture from https://www.fastcompany.com/40420610/has-this-silicon-valley-startup-finally-nailed-the-indoor-farming-model
16 กรกฎาคม 2560
ยุคของหุ่นยนต์ทำอาหารมาแล้ว ! พ่อครัว-แม่ครัว เตรียมตัวหรือยัง ?
สตาร์ทอัพหลายแห่ง กำลังเร่งพัฒนาหุ่นยนต์พ่อครัว แม่ครัว (Robot Chef หรือ Robotic Chef) กันอย่างขะมักขเม้น มาสัก 2-3 ปีแล้ว แต่ว่าปี 2017 นี้หล่ะครับ จะเป็นปีที่มีการจุดพลุอย่างจริงจัง .. เป็นปีที่ หุ่นยนต์พ่อครัวมีศักยภาพ และ ประสิทธิภาพ ถึงจุดที่จะทำงานแทนที่พ่อครัวตัวจริงได้แล้ว !
สำหรับพ่อครัว แม่ครัว ระดับเทพ ระดับกอร์ดองเบลอ ไม่ต้องกลัวตกงานหรอกครับ .. แต่พ่อครัว แม่ครัว ฝีมือทั่วๆ ไป อีกไม่นานอาจจะถูกแทนที่ได้ด้วยพ่อครัวหุ่นยนต์ นะครับ
สตาร์ทอัพที่ชื่อว่า มิโซะโรบอติกส์ (Miso Robotics) ผลิตหุ่นยนต์ทำงานในครัว ที่สามารถทำได้สารพัดอย่าง เพื่อมาแทนที่ตำแหน่งงานในครัว เช่น การเตรียมวัตถุดิบ การทอด การผัด หรืองานใดๆ ซึ่งก็สามารถจะโปรแกรมให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ ครับ .. โดยตอนนี้ เริ่มนำไปใช้งานในการทอดและพลิกเบอร์เกอร์ โดยร้านคาลิเบอร์เกอร์จะซื้อหุ่นยนต์นี้มาแทนคนงานในครัว 50 กว่าสาขาในปีหน้านี้
สตาร์ทอัพที่ชื่อ ซูมพิซซ่า (Zoom Pizza) พัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถทำพิซซ่าตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ ใส่ซอส ชีส และท็อปปิ้งต่างๆ แล้วก็นำไปอบ โดยจะนำกระบวนการทั้งหมดใส่ไว้ในรถขายอาหารฟู้ดทรัคส์ ซึ่งจะขับไปทำไป เมื่อได้รับออเดอร์จากลูกค้า ก็สามารถทำได้แบบสดๆ ร้อนๆ ทำให้รสชาติน่ารับประทาน นอกจากนั้น ยังมีสตาร์ทอัพในอิตาลี ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากอียู กำลังทดลองใช้หุ่นยนต์ทำพิซซ่าในเมืองเนเปิล ของอิตาลี ถิ่นต้นกำเนิดของพิซซ่า กันเลยทีเดียว
สตาร์ทอัพที่ชื่อโชว์บอติกส์ (Chowbotics) พัฒนาหุ่นยนต์ทำสลัด ซึ่งสามารถทำสลัดได้กว่า 1,000 ชนิด โดยใช้เวลาทำจานละ 60 วินาทีเท่านั้น แถมยังสามารถทำสลัดตามจำนวนแคลอรี่ที่ลูกค้ากำหนดได้อีกด้วย โดยเจ้าเครื่องทำสลัดนี้ นอกจากจะสามารถช่วยงานทำสลัดในครัวแล้ว ยังสามารถนำไปตั้งเป็นตู้ขายอาหารแบบหยอดเหรียญได้ (Vending machine)
บริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อโมลีโรบอติกส์ (Moley Robotics) พัฒนาหุ่นยนต์พ่อครัวเอนกประสงค์ ที่สามารถนำมาใช้แทนพ่อครัวในภัตตาคาร หรือ แม้แต่ใช้ในบ้าน ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้มีขีดความสามารถเหนือเหล่าหุ่นยนต์พ่อครัวที่กล่าวมา เพราะเราสามารถสอนให้มันทำอาหารหลากหลายชนิด ที่มีขั้นตอนซับซ้อนได้ พูดง่ายๆ ว่ามันทำได้มากกว่าฟาสต์ฟู้ดหล่ะครับ อย่างตัวที่เคยเอามาโชว์ในงานแสดงสินค้านี่ สามารถทำอาหารได้หลากหลายถึง 2,000 กว่าเมนู ซึ่งเก่งกว่าพ่อครัว แม่ครัวทั่วๆ ไปแน่นอนครับ
และแล้ว .. ปีนี้ และ ปีต่อๆ ไป คงจะเป็นปีที่ พ่อครัว แม่ครัว จะต้องปรับตัวขนาดใหญ่ เพื่อต่อกรกับคู่แข่งใหม่กัน
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://techcrunch.com/2017/07/13/hungry-theres-a-robot-for-that-at-tc-disrupt-sf/
- Data from http://inc-asean.com/technology/burger-flipping-bot-come-fast-food-jobs/
- Data from http://www.deccanchronicle.com/technology/in-other-news/050417/chowbotics-this-salad-making-robot-counts-calories-for-you.html
- Data from https://guardian.ng/life/life-features/new-exciting-inventions-whats-the-latest-on-innovative-technology/
- Picture from https://www.buzzfeed.com/jp/asamitogi/robot-restaurant-huistenbosch?utm_term=.vo2486bN1#.xd10X8VnL
- Picture from https://www.mnn.com/green-tech/gadgets-electronics/blogs/robots-cooks-may-happen-sooner-than-you-think
Labels:
digital food,
future of food,
future of work,
robot
12 กรกฎาคม 2560
ยักษ์ใหญ่อาหารสัตว์มีหนาว ! สตาร์ทอัพเนเธอร์แลนด์ลงทุนเลี้ยงหนอนแมลงวันจากขยะ ทำอาหารสัตว์ ทดแทนปลาป่น
วงการอาหารสัตว์เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงครับ จากเดิมที่ใช้วัตถุดิบประเภทโปรตีนสูงจากปลา แต่ในอนาคตอาจจะถูกกฎระเบียบใหม่ ให้เปลี่ยนไปใช้โปรตีนจากแมลงแทนก็เป็นได้ .. จากตัวเลขที่น่าตกใจคือ 10 เปอร์เซ็นต์ของปลาทะเลที่จับได้ในแต่ละปี หรือ ประมาณ 15 ล้านตัน ถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ปีก หมู หรือ ปลาที่เลี้ยงในฟาร์ม ซึ่งวัตถุดิบพวกนี้มีราคาแพง แถมยังมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ดังที่ปรากฎเป็นข่าวว่า ทางประเทศตะวันตกได้ประณามการนำปลาป่นมาทำอาหารสัตว์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย ที่ทั้งทำลายสิ่งแวดล้อม และ ใช้แรงงานทาส
บริษัทโปรติกซ์ (Protix) ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ จึงคิดจะเปลี่ยนแปลงทำให้วงการอาหารสัตว์ดีขึ้น ด้วยการเลิกใช้ปลาป่นแล้วหันมาใช้โปรตีนจากแมลงแทนครับ .. ล่าสุด สตาร์ทอัพแห่งนี้ได้รับเงินลงทุนกว่า 45 ล้านยูโร หรือ เกือบ 1,800 ล้านบาท เพื่อขยายกระบวนการผลิตหนอนแมลงวัน ซึ่งนำมาทำเป็นส่วนผสมอาหารสัตว์ โดยที่ผ่านมาได้ผลิตอาหารหมู อาหารไก่ และอาหารสัตว์เลี้ยง โดยจะขยายกำลังผลิตเพื่อนำไปเป็นอาหารปลา ซึ่งขณะนี้ ฟาร์มเลี้ยงปลาในยุโรปกำลังเป็นที่นิยม และมีการเติบโตสูง นอกจากนั้น บริษัทโปรติกซ์ยังจะทำการคิดค้นวิจัย การผลิตโปรตีน ไขมัน และสารอาหารสำคัญ สำหรับใช้ในวงการอื่นๆ อีก เช่น อาหารมนุษย์ อาหารเสริมของพืช เป็นต้น
การผลิตหนอนแมลงวันนั้น จะใช้เศษอาหารซึ่งเก็บจากภัตตาคาร โรงแรม และ บ้านเรือน นำมาเลี้ยงหนอนแมลงวัน ซึ่งนับว่าเป็นกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากๆ เป็นธุรกิจที่น่าสนใจนะครับ มีแต่ได้กับได้ ... (1) ต้นทุนต่ำ ใช้เศษอาหารมาเลี้ยงหนอน (2) เกิดธุรกิจกำจัดและรวบรวมเศษอาหาร (3) ได้หนอนที่เป็นอาหารสัตว์ (4) ได้ปุ๋ยอินทรีย์ เอาไปใช้ปลูกพืชได้อีก (5) การอุตสาหกรรมต้นน้ำของอาหารสมัยใหม่ (สามารถผลิตสารอาหารความเข้มข้นสูงบางชนิด สำหรับทางเภสัชและการแพทย์)
.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from http://protix.eu/
- Data from http://smart-farm.blogspot.com/2017/06/40.html
- Picture from http://www.pvenews.com/mediafiler/start/images?view=preview&fuid=img158/031215Protix-04.jpg
09 กรกฎาคม 2560
ราคายางโงหัวไม่ขึ้น - ฝรั่ง "จัดหนัก" ออกข่าวกดดัน .. หาพืชทดแทนได้แล้ว รอผลิตจริงอีก 3 ปีข้างหน้า
ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ราคายางพาราเริ่มผงกหัวขึ้น อันเนื่องมาจากสต็อกยางของโลกเริ่มหายไป ซึ่งก็ทำให้ผู้ผลิตยางล้อรถยนต์มีกำไรลดลงมา ทำให้นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2016 เป็นต้นมา ผู้ผลิตยางล้อรถยนต์รายใหญ่ ทั้งคอนทิเนนทัล บริดจ์สโตน และ คูเปอร์ ต่างทยอยออกข่าวถึงความคืบหน้าในการนำ "วัชพืชทดแทนยางพารา" ซึ่งมีข้อได้เปรียบเหนือยางพาราในหลายด้าน เช่น
- สามารถปลูกแบบพืชไร่ ไม่ต้องรอถึง 7 ปีกว่าจะได้น้ำยาง
- ใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยวได้แบบพืชไร่ทั่วไป ทำให้มีข้อได้เปรียบเรื่องแรงงาน
- ปลูกในสภาพอากาศสุดโหดได้ เช่น ทะเลทรายในสหรัฐ พื้นที่อากาศหนาวเย็นในยุโรป รวมทั้งพื้นที่ที่ไม่อุดมสมบูรณ์
70% ของยางพาราที่ผลิตได้ในแต่ละปี ถูกใช้เพื่อทำยางรถยนต์ และยางพาราเกือบทั้งหมดมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ผลิตยางรถยนต์นั้น มีความรู้สึกไม่ค่อยมั่นคง กับความต่อเนื่องของผลผลิตยางพารา ซึ่งหากในอนาคตหากเกิดอะไรกับยางพาราขึ้นมา เช่น เกิดโรคระบาดเหมือนที่เกิดกับกุ้ง อันเป็นผลทำให้ยางพาราขาดตลาด ก็ย่อมทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ อีกทั้งยางพาราเป็นพืชสวน ที่กว่าจะให้น้ำยางก็ต้องใช้เวลาถึง 7 ปี ทำให้หากจะปลูกทดแทนในกรณีเกิดภัยพิบัติ ก็ต้องใช้เวลานาน
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผู้ผลิตยางรถยนต์ยี่ห้อใหญ่ๆ ของโลก เช่น อันดับหนึ่งคือ คอนทิเนลทัล อันดับสอง คือ บริดจ์สโตน อันดับสี่ คือ กู้ดเยียร์ ประกาศว่าจะต้องหาพืชมาทดแทนยางพาราให้ได้ คอนทิเนลทัลประกาศจะนำยางรถยนต์ที่ทำจากวัชพืช "แดนดิไลน์" มาทดสอบบนท้องถนนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่บริดจ์สโตนประกาศจะจำหน่ายยางรถยนต์ที่ทำจากต้น "วายยูเล่" ในปี ค.ศ. 2020 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้านี่เอง
นโยบายของบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่หลายๆ เจ้า ไม่ว่าจะเป็น คอนทิเนนทัล ที่เป็นอันดับ 1 บริดจ์สโตนที่เป็นอันดับ 2 ล้วนมุ่งหน้าสู่ยางรถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ที่จะมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งคู่ต่างมีการวิจัยและพัฒนายางจากพืชทางเลือก รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำยางเก่ากลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณลบต่ออนาคตของยางพาราทั้งนั้น
ตอนนี้ ... นอกจากความท้าทายเรื่องราคายางพาราที่ตกต่ำแล้ว ... เราอาจจะต้องมาคิดเรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรื่องการแปรรูป และการมีแบรนด์ยางรถยนต์ของตัวเอง เพื่อสร้างอำนาจต่อรองยางพาราในตลาดโลก เพราะจะว่าไป ยุโรปและอเมริกาคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการพัฒนาพืชทดแทนยางพารา แต่มาตรการกีดกันทางการค้า คงจะออกมาในเร็วๆ นี้
.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from http://wardsauto.com/technology/steering-wheels-may-go-away-tires-here-stay
- Data from https://horizon-magazine.eu/article/rubber-dandelions-and-nickel-eating-flowers_en.html
- Data from http://www.rubbernews.com/article/20170609/NEWS/170609945/editorial-gms-focus-on-sustainable-nr-a-big-win-for-cause
- Data from https://phys.org/news/2017-03-variety-guayule-natural-source-rubber.html
- Data from http://www.rubbernews.com/article/20170707/NEWS/170709969/autonomous-vehicles-force-suppliers-to-adapt
- Data from http://www.autoblog.com/2017/05/16/gm-commits-sustainable-natural-rubber-tires/
- Data from http://labiotech.eu/continental-taraxagum-dandelion-rubber-tires/
- Data from http://www.rubbernews.com/article/20170404/NEWS/170409990/continental-closer-to-building-dandelion-rubber-lab
- Data from http://www.drive4eu.eu/index.php?cmd=s&id=287&PHPSESSID=bejonqies3jrttml2s5f0b9l72
- Picture from https://www.springerprofessional.de/nutzfahrzeuge/werkstoffe/continental-setzt-auf-loewenzahnkautschuk-im-nutzfahrzeug/10723396
- Picture from https://phys.org/news/2015-06-natural-rubber-dandelions.html
08 กรกฎาคม 2560
เกษตรกรนิวซีแลนด์ตื่น ! รวมตัวออกทุนศึกษาผลกระทบ "เนื้อสัตว์ปลูก" - คาดเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ครั้งใหญ่
จากการที่เรื่องของสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ เตรียมนำ "เนื้อสัตว์ปลูก" ที่ทำให้ต่อไปผู้บริโภคจะสามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้โดยไม่ต้องเลี้ยง และฆ่าสัตว์ นั้น ออกขายในปี ค.ศ. 2018 หรือปีหน้านี้เอง ซึ่งได้เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ทำให้กลุ่มเกษตรกรในประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเนื้อแกะ เนื้อวัว อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์นม (ซึ่งก็ตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกทดแทนโดย นมที่ทำจากพืช เช่นกัน) เกิดความวิตกกังวลในผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเกรงว่า นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์โลก
.
ดังนั้น เหล่าเกษตรกรจึงได้รวมตัวกัน ในนามของกลุ่ม บีฟพลัสแลมป์นิวซีแลนด์ เพื่อออกทุนให้มีการศึกษาวิจัยผลกระทบของ "เนื้อสัตว์ปลูก" แบบติดตามอย่างใกล้ชิด ถึงความเป็นไปได้ ความสามารถเชิงพาณิชย์ของเทคโนโลยีชนิดนี้ ซึ่งยังรวมไปถึงโปรตีนทดแทนอื่นๆ เช่น เทคโนโลยีเนื้อสัตว์เทียมจากโปรตีนพืช อีกด้วย
.
"ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอาหาร และ เทคโนโลยีการผลิตอาหาร เป็นสิ่งที่พวกเราต้องเข้าใจ และตามให้ทัน" หัวหน้ากลุ่มเกษตรกรกล่าว โดยยังได้บอกเพิ่มเติมอีกด้วยว่า โครงการนี้จะต้องมองให้ออกทั้ง ภัยคุกคาม และ โอกาส ที่จะมาพร้อมกับเนื้อสัตว์แนวใหม่นี้
.
ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน กรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐสภานิวซีแลนด์ ได้เคยกล่าวเตือนเกษตรกรนิวซีแลนด์ในงานประชุมแห่งหนึ่งว่า เนื้อสัตว์ปลูกจากซิลิกอนวัลเลย์ ใกล้จะมาแล้วนะ ให้เตรียมรับมือ ซึ่งก็ทำให้เกษตรกรนิวซีแลนด์ได้รู้จักเรื่องของ "เนื้อสัตว์ปลูก" นับแต่นั้น และเป็นที่มาของการลงขันกันเพื่อศึกษาให้เข้าใจเทคโนโลยีนี้ รวมไปถึงโมเดลทางธุรกิจ และความเร็วในการพัฒนาตลาดของเนื้อสัตว์ชนิดใหม่
.
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปลูกนั้น อาจจะมีราคาสูงในตอนแรกๆ ... แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันอาจจะมีราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์เลี้ยง ก็เป็นไปได้ !!
เกษตรกรนิวซีแลนด์จึงต้องการคาดคะเนความเป็นไปได้นี้ อีกทั้งยังต้องการศึกษา การยอมรับของผู้บริโภค ต่อ เนื้อสัตว์ปลูก ด้วย
.
อย่างไรก็ตาม นี่อาจจะเป็นโอกาสของเกษตรรายเล็กก็ได้ เพราะผู้ที่ได้รับผมกระทบโดยตรงจากเนื้อสัตว์ปลูก น่าจะเป็นเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงในระบบอุตสาหกรรม ที่เป็นคู่แข่งขันโดยตรง .. แต่สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงในระบบธรรมชาติ และเป็นออร์แกนิก นี่อาจจะเป็นทางเลือกอีกทางของแหล่งโปรตีนแบบเก่า ก็เป็นได้ครับ
.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data and Picture from https://www.stuff.co.nz/business/farming/agribusiness/94487407/farmers-take-challenge-headon-in-assessment-of-threat-of-synthetic-meat
- Data from http://www.stuff.co.nz/business/farming/90979628/warning-to-farmers-of-looming-synthetic-meat-and-milk\
- Data from http://www.stuff.co.nz/business/farming/advice/88916470/synthetic-proteins-a-threat-to-traditional-farming
- Picture from https://zurcaledworld.blogspot.com/2013/09/the-future-of-food-worlds-first-test.html#.WWBUyIR95hE
05 กรกฎาคม 2560
อยากลองมั้ย ? "บอลลูนพ่นยา" ต้นทุน 25,000 บาท พ่นยาเกือบ 400 ไร่ใน 1 ชั่วโมง
โดรนพ่นยาและปุ๋ย กำลังเป็นที่นิยมในประเทศจีนเป็นอย่างมากครับ เป็นความโชคดีของเกษตรกรจีน มากๆ ครับ ที่ประเทศเขาสามารถผลิตโดรนได้ด้วยตัวเอง ทำให้สามารถสร้างได้ในราคาถูก
แต่อย่างไรก็ตาม ... เกษตรกรจำนวนหนึ่งก็ยังรู้สึกว่ามันแพง และยุ่งยาก .. บรรทุกน้ำหนักได้น้อย ต้องกลับมาเติมน้ำยาหลายครั้ง แถมต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย เพื่อให้บินวนไปหลายหน
เมื่อเป็นแบบนี้ เกษตรกรส่วนหนึ่ง เลยขอใช้ "บอลลูนพ่นยา" แทนสิครับ อย่างในภาพ เป็นเกษตรกรที่จังหวัดอันฮุยลู่เจียง ได้มีการนำบอลลูนบรรจุก๊าซไฮโดรเจน มาช่วยในการพ่นยาใส่นาข้าวครับ ซึ่งมีต้นทุนอยู่ที่ 5,000 หยวน หรือ 25,000 บาทเท่านั้นครับ โดยลากบอลลูนไปตามแนวที่จะพ่นยา และอัดน้ำยาผ่านสายยางด้วยเครื่องพ่นยา ซึ่งเจ้าบอลลูนนี้จะทำหน้าที่เพียงช่วยยกสายพ่นยาเอาไว้เหนือพื้นที่ ซึ่งในภาพสามารถพ่นยาตามหน้ากว้างได้ถึง 50 เมตรเลยทีเดียว ทำให้สามารถพ่นยาได้มากถึง 380 ไร่ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้นครับ
Credit : Many Thanks to ....
- Data and Picture from https://kknews.cc/society/8lervl.html
Labels:
China,
drone,
rice,
Smart Pesticide
01 กรกฎาคม 2560
ผู้ผลิตเนื้อสัตว์ เตรียมหนาว ! สตาร์ทอัพสหรัฐ เตรียมนำ "เนื้อสัตว์ปลูก" ออกขายในซูเปอร์มาร์เก็ต ปี 2018
บริษัทสตาร์ทอัพ แฮมพ์ตันครีก (Hampton Creek) ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่มีโมเดลธุรกิจโปรตีนทางเลือก คือ ผลิตโปรตีนจากทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ต้องมีสัตว์ ได้ออกมาประกาศว่า จะวางขายเนื้อสัตว์ที่ผลิตจากการปลูก (in vitro meat) โดยไม่ต้องมีการเลี้ยงสัตว์ และ ฆ่าสัตว์ ในปี 2018 หรือปีหน้านี่เองครับ ก่อนหน้านี้ บริษัทนี้ก็สร้างความฮือฮาด้วยการผลิต ไข่ที่ไม่ต้องมีไก่ โดยใช้หลักการของชีววิทยาสังเคราะห์
.
การประกาศของแฮมพ์ตันครีก ครั้งนี้ ได้สร้างความฮือฮาในวงการเนื้อสัตว์เป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดมาว่า เนื้อสัตว์ปลูกจะมาสู่ตลาดได้เร็วขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ บริษัทสตาร์ทอัพ เมมฟิสมีท (Memphis Meat) ได้ประกาศว่า เนื้อสัตว์ปลูกของบริษัทจะวางขายในปี ค.ศ. 2021 หรืออีก 4 ปีข้างหน้านู่นแหน่ะ .. ดังนั้น วงการเนื้อสัตว์จึงมีความตื่นเต้นกันมาก ถึงกับคาดคะเนกันว่า การล้มล้าง (Disruption) ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ และขายเนื้อสัตว์กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
.
ในระยะหลังๆ ได้เริ่มมีความสนใจที่จะผลิตอาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยไม่ต้องเลี้ยงสัตว์ (จะได้ไม่ต้องฆ่าสัตว์) หรือหากต้องฆ่าสัตว์ก็ขอให้สัตว์ไม่ทรมาน ไม่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้น กันมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ จะว่าไปแล้วระบบปศุสัตว์หรือฟาร์มเลี้ยงสัตว์แบบอุตสาหกรรมที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันมีข้อเสียหลายอย่าง เช่น
(1) การเลี้ยงสัตว์ทำในคอกหรือโรงเรือนแออัด ทำให้สัตว์ทรมาน ในวันหนึ่ง ๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ อย่างเช่น ซีพี เชือดไก่ 3-5 แสนตัว เป็นตัวเลขที่น่าตกใจไหมครับ เป็นธุรกิจที่ผิดศีลข้อ 1 เต็มๆ
(2) มีโอกาสเกิดโรคระบาดได้ง่าย เพราะสัตว์อยู่กันอย่างแออัดยัดเยียด และโรคระบาดเหล่านั้นก็เริ่มระบาดมาสู่คนแล้ว
(3) มีการใช้ยาปฏิชีวนะค่อนข้างมาก เพราะไม่ต้องการให้เกิดโรคในข้อ 2 ยาพวกนั้นเหลือมาให้พวกเรานี่แหล่ะครับ รับประทานกัน
(4) ฟาร์มเหล่านี้สร้างมลภาวะทางกลิ่นต่อชุมชนอาศัยที่อยู่ใกล้เคียง
(5) ระบบการเลี้ยงในปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกร้อน เพราะใช้เทคโนโลยีที่สิ้นเปลืองพลังงานมาก แถมมีการปล่อยก๊าซมีเธนสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งก๊าซมีเธนนี่เอง สร้างภาวะเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่า
การออกมาประกาศที่จะนำ "เนื้อสัตว์ปลูก" ออกมาขายในปีหน้า ของแฮมพ์ตันครีก จึงนับเป็นการเปลี่ยนโลกแห่งโปรตีน อย่างชนิด พลิกฟ้าฟื้นปฐพี กันเลยทีเดียว !
.
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://futurism.com/a-new-company-will-have-fake-meat-on-the-shelves-next-year/
- Data from http://www.businessinsider.com/hampton-creek-lab-grown-meat-2017-6
- Picture from https://www.nextnature.net/2016/02/bringing-vitro-meat-market/
Labels:
animal farm,
future of meat,
startup
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)