
เมื่อคนรุ่นใหม่ มีเมนูอาหารเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนรุ่นเก่าอีกต่อไป .. อุตสาหกรรมอาหาร จึงเริ่มระส่ำ เพราะต้องรีบปรับตัว ไม่งั้นก็อาจโดนล้มล้าง หรือ ดิสรัปต์ (Disrupted) ได้ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่อายุเยอะในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น ซีพี เบทาโกร ไทยยูเนี่ยน กำลังถูกท้าทายจาก บริษัทสตาร์ทอัพอายุน้อย ที่ต้องการมาเปลี่ยนโลกแห่งเนื้อสัตว์ ที่ไม่จำเป็นต้อง "ฆ่า" อีกต่อไป
- บริษัทที่ปรึกษา AT Kearney ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่ระบุว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า มนุษย์จะหันมาบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดใหม่ ที่ไม่ต้องมีการฆ่า เป็นหลัก โดยตลาดเนื้อสัตว์ดั้งเดิม จะหดตัวลงไปเรื่อยๆ โดยโปรตีนชนิดใหม่จากพืช และ แมลงจะเข้าแทนที่อาหารดั้งเดิม รวมไปถึงเนื้อสัตว์ที่เกิดจากการปลูก (in vitro meat)
- ในขณะนี้ อุตสาหกรรมอาหารในสหรัฐฯ กำลังเกิดการตื่นตัวขนานใหญ่ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ เหล่า Gen Z ที่เกิดในช่วงปี 1995 ถึงหลังปี 2000 เริ่มมีแนวทางบริโภค อาหารที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้เกิดสตาร์ทอัพด้านอาหารเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ที่มาจากพืช หรือ เนื้อสัตว์ปลูกที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ ไข่ที่ไม่ต้องเลี้ยงไก่ นมและชีสที่ไม่ต้องทรมานวัว ของกินเล่นต่างๆ หรือแม้แต่ เบียร์
- ซึ่งคนกลุ่มนี้ ก็ไม่ใช่เล็กๆ นะครับ ! เพราะหลังปี 2020 จะมีจำนวนคิดเป็น 40% ของคนที่มีกำลังจ่ายเงินในสหรัฐ เลยทีเดียว .. ทำให้ คนกลุ่มนี้ "ชี้เป็น ชี้ตาย" อนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร เลยทีเดียว

- ตอนนี้ เนื้อสัตว์ทางเลือก ที่ไม่ต้องมีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต กำลังเป็นกระแสของคนรุ่นใหม่ และเป็นตลาดที่เติบโตเร็วมาก ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งแข่งกันนำเข้ามาขาย และตอนนี้เริ่มระบาดไปยังฟาสต์ฟู้ดต่างๆ แล้ว .. และจากการสำรวจความคิดเห็นของคนหนุ่มสาวมหา'ลัย พบว่า พวกเขาเหล่านั้น ชื่นชอบ เนื้อสัตว์ที่ทำมาจากพืช กับ อาหารทะเลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ไม่ได้มาจากการประมงแบบใช้แรงงานทาส)
- ตลาดใหม่นี้ คาดว่าจะมีมูลค่ามากถึง 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.6 แสนล้านบาท ในปี ค.ศ. 2020
- นอกจากนี้ เนื้อสัตว์ชนิดใหม่ยังมีตัวช่วยอีกตัว นั่นคือ "ภาษี" ครับ เพราะเนื้อสัตว์ชนิดเก่ามีแนวโน้มจะโดนขึ้นภาษี ในฐานะตัวการทำให้เกิด ภาวะโลกร้อน โดยมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักลงทุนขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าทรัพยสินรวมกันกว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 131 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ทรงอิทธิพลมาก สามารถที่จะเข้าล็อบบี้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบาย หรือการออกกฎหมายต่างๆ ... และสิ่งที่กลุ่มนี้ กำลังจะทำต่อไป คือการเคลื่อนไหวให้ออก "ภาษีเนื้อสัตว์" ทั่วโลก
- นักลงทุนกลุ่มนี้ ได้นำเสนอแก่รัฐบาลทั่วโลก ให้เก็บ "ภาษีเนื้อสัตว์" โดยเป็นหนึ่งใน "ภาษีบาป" (Sin Tax) เช่นเดียวกับ อัลกอฮอล์ และ บุหรี่ !! ด้วยเหตุผลที่ว่า เนื้อสัตว์แบบเก่านอกจากทำลายสุขภาพแล้ว ยังเป็นสาเหตุหลักมากถึง 15% ที่ทำให้โลกร้อน อีกทั้งยังผลาญน้ำ และ พื้นที่เป็นจำนวนมาก ... ซึ่งตอนนี้ รัฐบาลที่สนใจในเรื่องการเก็บภาษีเหล่านี้ ตอนนี้ก็มี เยอรมัน เดนมาร์ก สวีเดน หรือแม้กระทั่ง เมืองจีน ด้วย

อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.iflscience.com/environment/most-meat-will-be-meat-free-or-lab-grown-by-2040-experts-predict/
- Data and Picture from https://www.atkearney.com/retail/article/?/a/how-will-cultured-meat-and-meat-alternatives-disrupt-the-agricultural-and-food-industry
- Data from https://www.cbsnews.com/news/is-it-time-to-put-a-tax-on-meat/
- Data from https://www.cnbc.com/2018/11/07/health-experts-propose-a-red-meat-tax-to-recoup-172-billion-in-health-care-costs.html
- Picture from https://www.forbes.com/sites/davidebanis/2019/02/27/the-cultural-impact-of-cultured-meat/#339ee90a7fcc