22 มิถุนายน 2562

ผู้เชี่ยวชาญชี้ อีก 20 ปี มนุษย์เลิกฆ่าสัตว์ หันกิน "เนื้อสัตว์ปลูก" และ เนื้อสัตว์จากพืช แทน



เมื่อคนรุ่นใหม่ มีเมนูอาหารเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนรุ่นเก่าอีกต่อไป .. อุตสาหกรรมอาหาร จึงเริ่มระส่ำ เพราะต้องรีบปรับตัว ไม่งั้นก็อาจโดนล้มล้าง หรือ ดิสรัปต์ (Disrupted) ได้ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่อายุเยอะในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น ซีพี เบทาโกร ไทยยูเนี่ยน กำลังถูกท้าทายจาก บริษัทสตาร์ทอัพอายุน้อย ที่ต้องการมาเปลี่ยนโลกแห่งเนื้อสัตว์ ที่ไม่จำเป็นต้อง "ฆ่า" อีกต่อไป

- บริษัทที่ปรึกษา AT Kearney ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่ระบุว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า มนุษย์จะหันมาบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดใหม่ ที่ไม่ต้องมีการฆ่า เป็นหลัก โดยตลาดเนื้อสัตว์ดั้งเดิม จะหดตัวลงไปเรื่อยๆ โดยโปรตีนชนิดใหม่จากพืช และ แมลงจะเข้าแทนที่อาหารดั้งเดิม รวมไปถึงเนื้อสัตว์ที่เกิดจากการปลูก (in vitro meat)

- ในขณะนี้ อุตสาหกรรมอาหารในสหรัฐฯ กำลังเกิดการตื่นตัวขนานใหญ่ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ เหล่า Gen Z ที่เกิดในช่วงปี 1995 ถึงหลังปี 2000 เริ่มมีแนวทางบริโภค อาหารที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้เกิดสตาร์ทอัพด้านอาหารเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ที่มาจากพืช หรือ เนื้อสัตว์ปลูกที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ ไข่ที่ไม่ต้องเลี้ยงไก่ นมและชีสที่ไม่ต้องทรมานวัว ของกินเล่นต่างๆ หรือแม้แต่ เบียร์

- ซึ่งคนกลุ่มนี้ ก็ไม่ใช่เล็กๆ นะครับ ! เพราะหลังปี 2020 จะมีจำนวนคิดเป็น 40% ของคนที่มีกำลังจ่ายเงินในสหรัฐ เลยทีเดียว .. ทำให้ คนกลุ่มนี้ "ชี้เป็น ชี้ตาย" อนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร เลยทีเดียว




- ตอนนี้ เนื้อสัตว์ทางเลือก ที่ไม่ต้องมีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต กำลังเป็นกระแสของคนรุ่นใหม่ และเป็นตลาดที่เติบโตเร็วมาก ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งแข่งกันนำเข้ามาขาย และตอนนี้เริ่มระบาดไปยังฟาสต์ฟู้ดต่างๆ แล้ว .. และจากการสำรวจความคิดเห็นของคนหนุ่มสาวมหา'ลัย พบว่า พวกเขาเหล่านั้น ชื่นชอบ เนื้อสัตว์ที่ทำมาจากพืช กับ อาหารทะเลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ไม่ได้มาจากการประมงแบบใช้แรงงานทาส)

- ตลาดใหม่นี้ คาดว่าจะมีมูลค่ามากถึง 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.6 แสนล้านบาท ในปี ค.ศ. 2020

- นอกจากนี้ เนื้อสัตว์ชนิดใหม่ยังมีตัวช่วยอีกตัว นั่นคือ "ภาษี" ครับ เพราะเนื้อสัตว์ชนิดเก่ามีแนวโน้มจะโดนขึ้นภาษี ในฐานะตัวการทำให้เกิด ภาวะโลกร้อน โดยมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักลงทุนขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าทรัพยสินรวมกันกว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 131 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ทรงอิทธิพลมาก สามารถที่จะเข้าล็อบบี้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบาย หรือการออกกฎหมายต่างๆ ... และสิ่งที่กลุ่มนี้ กำลังจะทำต่อไป คือการเคลื่อนไหวให้ออก "ภาษีเนื้อสัตว์" ทั่วโลก

- นักลงทุนกลุ่มนี้ ได้นำเสนอแก่รัฐบาลทั่วโลก ให้เก็บ "ภาษีเนื้อสัตว์" โดยเป็นหนึ่งใน "ภาษีบาป" (Sin Tax) เช่นเดียวกับ อัลกอฮอล์ และ บุหรี่ !! ด้วยเหตุผลที่ว่า เนื้อสัตว์แบบเก่านอกจากทำลายสุขภาพแล้ว ยังเป็นสาเหตุหลักมากถึง 15% ที่ทำให้โลกร้อน อีกทั้งยังผลาญน้ำ และ พื้นที่เป็นจำนวนมาก ... ซึ่งตอนนี้ รัฐบาลที่สนใจในเรื่องการเก็บภาษีเหล่านี้ ตอนนี้ก็มี เยอรมัน เดนมาร์ก สวีเดน หรือแม้กระทั่ง เมืองจีน ด้วย



อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ... https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
Credit : Many Thanks to ....
- Data from https://www.iflscience.com/environment/most-meat-will-be-meat-free-or-lab-grown-by-2040-experts-predict/
- Data and Picture from https://www.atkearney.com/retail/article/?/a/how-will-cultured-meat-and-meat-alternatives-disrupt-the-agricultural-and-food-industry
- Data from https://www.cbsnews.com/news/is-it-time-to-put-a-tax-on-meat/
- Data from https://www.cnbc.com/2018/11/07/health-experts-propose-a-red-meat-tax-to-recoup-172-billion-in-health-care-costs.html
- Picture from https://www.forbes.com/sites/davidebanis/2019/02/27/the-cultural-impact-of-cultured-meat/#339ee90a7fcc